
7 เส้นทางเดินป่าต่างประเทศ ธรรมชาติที่ต้องพิชิตสักครั้ง!

“เดินป่า” กิจกรรมท่องเที่ยวสุดท้าทายที่พิสูจน์ความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ เพราะแลกมาด้วยความสดใหม่จากประสบการณ์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจจากหลาย ๆ การเดินทาง แถมยังเป็นการรีเฟรชให้สมองได้พักผ่อนไปกับความสวยงามของธรรมชาติ ใครที่อยากลองเดินป่าดูสักครั้ง แต่ยังไม่รู้จะเดินป่าที่ไหนดี วันนี้เรารวบรวม 7 เส้นทางเดินป่าจาก 7 ประเทศมาฝากกัน
1. Lycian Way (ประเทศตุรเคีย หรือตุรกี)
เส้นทางเดินป่าแห่งชาวลิเซีย เมืองโบราณแห่งอานาโตเลีย (Anatolia) ถือเป็นพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ทางสภาพแวดล้อมหลากหลายและผสมผสานความเป็นเอเชียกับยุโรปเข้าไว้ด้วยกัน โดย Lycian way มีความยาวถึง 540 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างเมือง Fethiye และ Antalya ด้วยเส้นทางเดินป่าที่ค่อนข้างยาว ทำให้นักเดินทางทั้งหลายต้องใช้เวลาเดินป่าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 เดือน แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอสามารถเลือกเส้นทางระยะสั้นลงได้ ด้วยเส้นทางระหว่างเมือง Kayaköy จนถึงหาด Ölüdeniz ซึ่งเป็นเส้นทางสวยงาม เพราะยังคงได้เดินชมสถาปัตยกรรมโบราณ เดินขึ้นเขา เลียบหน้าผา สัมผัสทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอสช์ (Turquoise) หนึ่งในเอกลักษณ์ของประเทศตุรเคีย (ตุรกี) โดยเส้นทางนี้ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็สามารถสัมผัสส่วนหนึ่งของ Lycian Way แล้ว
ข้อควรรู้เส้นทางเดินป่าที่ Lycian Way
- ควรเลือกรองเท้าที่สามารถยึดเกาะกับหินได้ดี เพราะสภาพโดยรอบเป็นหินส่วนใหญ่
- ช่วงเดือนที่เหมาะสมกับการเดินป่าที่ Lycian Way คือช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม และช่วงกันยายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง อากาศไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
- สำหรับคนที่มีเวลามากหน่อย เส้นทางระหว่างเมือง Fethiye จนถึง Kabak เป็นอีกหนึ่งเส้นทางใน Lycian Way ที่น่าสนใจ ระยะเวลา 3 วันกับการเดินขึ้นเขา ตั้งเต็นท์นอนบนเขาเพื่อสัมผัสบรรยากาศขุนเขาแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
- ไม่ควรนำอาหารใส่กระเป๋ามากเกินไป เพราะจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักกระเป๋าเกินความจำเป็น เนื่องจากเส้นทางการเดินป่ายังมีร้านอาหารขนาดเล็กอยู่ตามหมู่บ้าน หากจะพกควรพกในปริมาณที่พอดี (1-2 มื้อ)
2. Annapurna Circuit (ประเทศเนปาล)
ทดลองเดินป่าครั้งแรก แต่ยังไม่รู้จะเดินป่าที่ไหนดี ที่นี่คือเส้นทางเดินป่าที่คุ้มค่ากับการเดินชมทัศนียภาพด้วยตัวเองมากที่สุด เรากำลังพูดถึงเส้นทางเดินป่าบนเทือกเขาหิมาลัยแห่งประเทศเนปาล ซึ่งเป็นหุบเขาที่ลึกที่สุดในโลกอย่างหุบเขา Kali Gandaki จุดชมวิวทะเลสาบที่สูงในโลกอย่างทะเลสาบ Tilicho พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมือง รวมระยะทางได้ที่ 160 - 230 กิโลเมตร หรือใช้เวลาในการเดินป่าอยู่ที่ประมาณ 13-14 วัน โดยเริ่มต้นจากหมู่บ้าน Besisahar เดินทางข้ามช่องเขา Thorong La Pass จนถึงหมู่บ้าน Pokhara ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่ความสูงระดับ 760 เมตร จนถึง 5,416 เมตร เดินทางเลาะริมแม่น้ำ เลียบหน้าผา ตัดป่าสนเดินข้ามทะเลทรายสูง ผ่านหมู่บ้านของชนพื้นเมือง ซึ่งนอกเหนือจากภูมิทัศน์แล้ว คือ การชมดาว เพราะท้องฟัาที่นี่เปิดกว้าง ทำให้เห็นดาวได้ชัดเจน
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Annapurna Circuit
- การปรับร่างกายให้คุ้นชินกับที่สูง ที่มีปริมาณออกซิเจนและความดันอากาศน้อยลง ก่อนเดินป่าจึงควรออกกำลังกายหรือซ้อมการเดินเขาในไทยก่อน เพื่อลดอาการเหนื่อยง่าย ให้ร่างกายค่อยๆ ปรับการหายใจตามความสูงของภูเขา
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินป่าเส้นทาง Annapurna Circuit คือ ช่วงระหว่างเดือน มีนาคม - พฤษภาคม กับช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศปลอดโปร่งมองเห็นทัศนีภาพอันสวยงามของภูเขาหิมาลัย
- อุปกรณ์ช่วยเบาแรงอย่างไม้สำหรับเดินเขาก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากต้องขึ้นเขาสูงและภูมิประเทศที่มีหินมาก
3. Rinjani (ประเทศอินโดนีเซีย)
อยากเดินป่าในบรรยากาศต่างประเทศ ต้องไม่พลาดเดินเล่นชมทิวทัศน์แถวภูเขาไฟ Rinjani ที่ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยเส้นทางเดินป่าความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,726 เมตร ที่ทำให้ Rinjani กลายเป็นภูเขาไฟที่สูงอันดับสองของประเทศอินโดนีเซีย โดยมีเส้นทางการเดินป่าแบ่งตามจุดเริ่มต้นขึ้นเขา คือเส้นทาง Senaru กับ Sembalun โดยเส้นทาง Sembalun จะมีบรรยากาศรอบข้างเป็นทุ่งหญ้าซะส่วนใหญ่ จึงทำให้เป็นทางที่ค่อนข้างร้อนกว่าเส้นทาง Senaru ที่รอบข้างเป็นป่าดิบชื้นและมีต้นไม้ใหญ่
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ RinjaniM/u>
- เนื่องจากภูมิประเทศบางพื้นที่เป็นหิน บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากจนอาจทำให้ต้องเผชิญกับฝุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงควรหาหน้ากากและแว่นตาเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่น
- เศษหินและเศษกรวดอาจกระเด็นเข้ามาในรองเท้า อาจเป็นอุปสรรคในการเดินป่าได้ จึงควรหา gaiter หรืออุปกรณ์ป้องกันรอยต่อระหว่างกางเกงกับรองเท้า เพื่อป้องกันเศษหินเข้ามาในรองเท้า
- สภาพภูมิอากาศข้างบนเป็นภูเขาไฟที่ค่อนข้างหนาวและลมแรง จึงไม่ควรลืมเอาเสื้อกันลมติดกระเป๋าไปตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง
4. Tobavarchkhili Lake (ประเทศจอร์เจีย)
หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินป่า คงต้องยกให้ขุนเขาที่แวดล้อมด้วยทะเลสาบในประเทศจอร์เจีย ที่ได้กลายเป็นจุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด เพราะจุดเด่นของประเทศนี้ คือทิวทัศน์ของธรรมชาติที่เป็นเสน่ห์คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะสายเดินป่าที่มี Tobavarchkhili Lake ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าที่ผ่านเทือกเขาคอเคซัส (caucasus) ไปยังทะเลสาบสีเงินแห่งจอร์เจีย รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 80 กิโลเมตร ท่ามกลางสภาพอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละวัน ทั้งทุ่งหญ้าสีเขียว กองหิมะสีขาว และหมอกแห่งป่าสน แต่ความโหดที่เพิ่มมาอีกขั้นคือ การเดินทางครั้งนี้จะไม่มีที่พัก แต่จะมีจุดพักหลักเป็น Campsite เช่น Jalara/ Magana Campsite
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Tobavarchkhili Lake
- วางแผนเตรียมเสบียง ฝึกกางเต็นท์ให้พร้อม เพราะในจุดกางเต็นท์บางพื้นที่ต้องตั้งแคมป์บนภูเขาหิมะ
- ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในการเดินป่าที่ Tobavarchkhili Lake มี 3 เดือนด้วยกัน คือ เดือนกรกฎาคม สิงหาคมและกันยายน
- ฝึกร่างกายให้คุ้นชินกับอากาศหนาวเย็น เพราะการเดินป่าที่นี่ส่วนใหญ่คือการเดินบนหิมะที่มีความหนา อาจทำให้เกิดอาการเท้าชาได้
5. Inca Trail (ประเทศเปรู)
หนึ่งในอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จนทำให้นักเดินป่าหลายคนอยากลองไปเดินสำรวจ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองให้ได้สักครั้ง คือเส้นทาง Inca Trail เพราะนอกเหนือจากการสัมผัสธรรมชาติแล้ว การเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวอินคาถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจของเส้นทางเดินป่า Inca Trail โดยนักเดินป่าต้องใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 4 วัน เริ่มต้นจากการเดินผ่านชุมชนในเมือง Cusco ข้ามแม่น้ำ Urubamba ซึ่งเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ จากนั้นจึงเข้าป่าโดยสมบูรณ์ ผ่านเทือกเขาแอนดีส เดินในป่าดิบชื้น จนมาถึง Machu Picchu ซึ่งความยากของที่นี่คือการเดินสลับขึ้นลงเขา แต่สุดท้ายปลายทางก็คุ้มค่าเมื่อได้สัมผัสอารยธรรมระดับโลก
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Inca Trail
- ที่นี่ต้องจองก่อนเดินทางและต้องเดินทางกับกรุ๊ปทัวร์ ไม่สามารถไปเองได้ จึงควรรีบจองก่อนเพราะเปิดรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีจำนวนไม่มาก
- ควรปรับร่างกายให้คุ้นชินกับที่สูงก่อนเดินทาง โดยการฝึกหายใจลึก ๆ เพื่อให้ออกซิเจนเข้าปอด ลดความเร็วในการเดินเพื่อลดอาการเหนื่อยล้า
- ฝึกกล้ามเนื้อต้นขา เพราะการเดินป่าที่ Inca Trail ต้องเดินบนเส้นทางที่สูงชันสลับกับการเดินขึ้นลงบันไดหินบ่อย จึงควรฝึกกล้ามเนื้อต้นขาให้แข็งแรงก่อนเดินทาง
6. Routeburn Track (ประเทศนิวซีแลนด์)
อีกหนึ่งประเทศปลายทางที่นักเดินป่าและนักเดินทางนิยมมากันมากขึ้นเรื่อย ๆ คือเส้นทาง Routeburn Track ในประเทศนิวซีแลนด์ ที่ล่าสุดถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางของนักเดินป่าที่ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นเส้นทางเดินป่าที่ตั้งอยู่ระหว่างอุทยานแห่งชาติ Mt.Aspiring และ Fiord Land National Park โดยมีระยะเดินเท้าประมาณ 32 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินอยู่ที่ประมาณ 3-4 วัน ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินป่าที่มีความยากระดับกลาง และแวดล้อมไปด้วยทุ่งป่าสีเขียวธรรมชาติ รวมถึงลำธารน้ำใสสีเขียวตลอดเส้นการเดินทาง บวกกับคุณภาพอากาศบริสุทธิ์ที่โอบกอดรอบกาย พร้อมให้นักเดินป่าได้สะสมความสุขตลอดทริปแน่นอน
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Routeburn Track
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินป่า เส้นทาง Routeburn Track คือช่วงปลายเดือนตุลาคม ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน
- ควรเลือกใช้รองเท้าที่สามารถยึดเกาะกับหินได้ดี ไม่ลื่น รวมถึงอุปกรณ์ช่วยเบาแรงอย่างไม้สำหรับเดินเขา
- ฝึกร่างกายให้คุ้นชินกับสภาพอากาศที่ต่ำเกินไป รวมถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่นักเดินป่าอาจต้องเจอ เช่น แดดจัด กระแสลมกรรโชก ซึ่งอาจส่งผลให้หิมะถล่มหรือหินตกลงมาได้
7. The Haute Route (ประเทศฝรั่งเศส-ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)
ปิดท้ายด้วยแลนด์มาร์ควิวสวยที่เชื่อมโยงระหว่าง 2 ประเทศโซนยุโรปไว้ได้อย่างลงตัว เรากำลังพูดถึงเส้นทางเดินป่า The Haute Route ด้วยเส้นทางลัดเลาะตามแนวเขาโดยเริ่มจากเส้นทาง Chamonix ประเทศฝรั่งเศส เรื่อยมาจนถึงเส้นทางตอนใต้ของ Valais และ Matterhorn Zermatt ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยเส้นทางที่เต็มไปด้วยหินแกร่งระหว่างทาง จึงเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ท้าทายนักเดินป่าอยู่ไม่น้อย โดยเฉลี่ยการเดินป่าในเส้นทาง The Haute Route นี้จะอยู่ที่ราวๆ 12-16 วัน หรือ 2 สัปดาห์
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ The Haute Route
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินป่า เส้นทาง The Haute Route คือช่วงฤดูหนาว หรือตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม
- สวมใส่รองเท้าที่สามารถยึดเกาะกับหินได้ดี ไม่ลื่น รวมถึงอุปกรณ์ช่วยเบาแรงอย่างไม้สำหรับเดินเขา เพราะอาจมีเส้นทางผาดโผนมากกว่าทางเรียบปกติ เช่น การปีน หรือกระโดดข้ามหินต่างๆ เป็นต้น
- เตรียมร่างกายให้พร้อม ด้วยการฝึกร่างกายให้คุ้นชินกับสภาพอากาศเย็น และเตรียมเสื้อคลุมที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายสำรองไว้
หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยยอมลดความสะดวกสบายในชีวิตให้น้อยลง เพราะหลงใหลการเดินป่า คือความสุขที่ได้เข้าใกล้ธรรมชาติให้มากขึ้น ซึ่งหาดูได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกปัจจุบัน แม้ในทุกการเดินทางจะขึ้นชื่อเรื่องของอุปสรรค การเตรียมความพร้อมเดินทางไกลก่อนแบกเป้เที่ยวไกลต่างแดนจึงเป็นเรื่องจำเป็น และอย่าลืมพกประกันการเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ (รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน) พร้อมสายด่วนช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ตลอด 24 ชม.ไปด้วยทุกที่ เพื่อให้คุณได้อุ่นใจในทุกทริปท่องเที่ยวใหม่ ๆ ตลอดเส้นทางเดินป่าตลอดปี!
สนใจประกันภัยการเดินทาง โทร. 0 2611 4242