
“เดินป่า” กิจกรรมท่องเที่ยวสุดท้าทายที่พิสูจน์ความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ เพราะแลกมาด้วยความสดใหม่จากประสบการณ์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจจากหลาย ๆ การเดินทาง แถมยังเป็นการรีเฟรชให้สมองได้พักผ่อนไปกับความสวยงามของธรรมชาติ ใครที่อยากลองเดินป่าดูสักครั้ง แต่ยังไม่รู้จะเดินป่าที่ไหนดี วันนี้เรารวบรวม 7 เส้นทางเดินป่าจาก 7 ประเทศมาฝากกัน
เส้นทางเดินป่าแห่งชาวลิเซีย เมืองโบราณแห่งอานาโตเลีย (Anatolia) ถือเป็นพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ทางสภาพแวดล้อมหลากหลายและผสมผสานความเป็นเอเชียกับยุโรปเข้าไว้ด้วยกัน โดย Lycian way มีความยาวถึง 540 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างเมือง Fethiye และ Antalya ด้วยเส้นทางเดินป่าที่ค่อนข้างยาว ทำให้นักเดินทางทั้งหลายต้องใช้เวลาเดินป่าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 เดือน แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอสามารถเลือกเส้นทางระยะสั้นลงได้ ด้วยเส้นทางระหว่างเมือง Kayaköy จนถึงหาด Ölüdeniz ซึ่งเป็นเส้นทางสวยงาม เพราะยังคงได้เดินชมสถาปัตยกรรมโบราณ เดินขึ้นเขา เลียบหน้าผา สัมผัสทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอสช์ (Turquoise) หนึ่งในเอกลักษณ์ของประเทศตุรเคีย (ตุรกี) โดยเส้นทางนี้ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็สามารถสัมผัสส่วนหนึ่งของ Lycian Way แล้ว
ข้อควรรู้เส้นทางเดินป่าที่ Lycian Way
ทดลองเดินป่าครั้งแรก แต่ยังไม่รู้จะเดินป่าที่ไหนดี ที่นี่คือเส้นทางเดินป่าที่คุ้มค่ากับการเดินชมทัศนียภาพด้วยตัวเองมากที่สุด เรากำลังพูดถึงเส้นทางเดินป่าบนเทือกเขาหิมาลัยแห่งประเทศเนปาล ซึ่งเป็นหุบเขาที่ลึกที่สุดในโลกอย่างหุบเขา Kali Gandaki จุดชมวิวทะเลสาบที่สูงในโลกอย่างทะเลสาบ Tilicho พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมือง รวมระยะทางได้ที่ 160 - 230 กิโลเมตร หรือใช้เวลาในการเดินป่าอยู่ที่ประมาณ 13-14 วัน โดยเริ่มต้นจากหมู่บ้าน Besisahar เดินทางข้ามช่องเขา Thorong La Pass จนถึงหมู่บ้าน Pokhara ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่ความสูงระดับ 760 เมตร จนถึง 5,416 เมตร เดินทางเลาะริมแม่น้ำ เลียบหน้าผา ตัดป่าสนเดินข้ามทะเลทรายสูง ผ่านหมู่บ้านของชนพื้นเมือง ซึ่งนอกเหนือจากภูมิทัศน์แล้ว คือ การชมดาว เพราะท้องฟัาที่นี่เปิดกว้าง ทำให้เห็นดาวได้ชัดเจน
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Annapurna Circuit
อยากเดินป่าในบรรยากาศต่างประเทศ ต้องไม่พลาดเดินเล่นชมทิวทัศน์แถวภูเขาไฟ Rinjani ที่ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยเส้นทางเดินป่าความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,726 เมตร ที่ทำให้ Rinjani กลายเป็นภูเขาไฟที่สูงอันดับสองของประเทศอินโดนีเซีย โดยมีเส้นทางการเดินป่าแบ่งตามจุดเริ่มต้นขึ้นเขา คือเส้นทาง Senaru กับ Sembalun โดยเส้นทาง Sembalun จะมีบรรยากาศรอบข้างเป็นทุ่งหญ้าซะส่วนใหญ่ จึงทำให้เป็นทางที่ค่อนข้างร้อนกว่าเส้นทาง Senaru ที่รอบข้างเป็นป่าดิบชื้นและมีต้นไม้ใหญ่
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ RinjaniM/u>
หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักเดินป่า คงต้องยกให้ขุนเขาที่แวดล้อมด้วยทะเลสาบในประเทศจอร์เจีย ที่ได้กลายเป็นจุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด เพราะจุดเด่นของประเทศนี้ คือทิวทัศน์ของธรรมชาติที่เป็นเสน่ห์คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะสายเดินป่าที่มี Tobavarchkhili Lake ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าที่ผ่านเทือกเขาคอเคซัส (caucasus) ไปยังทะเลสาบสีเงินแห่งจอร์เจีย รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 80 กิโลเมตร ท่ามกลางสภาพอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละวัน ทั้งทุ่งหญ้าสีเขียว กองหิมะสีขาว และหมอกแห่งป่าสน แต่ความโหดที่เพิ่มมาอีกขั้นคือ การเดินทางครั้งนี้จะไม่มีที่พัก แต่จะมีจุดพักหลักเป็น Campsite เช่น Jalara/ Magana Campsite
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Tobavarchkhili Lake
หนึ่งในอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จนทำให้นักเดินป่าหลายคนอยากลองไปเดินสำรวจ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองให้ได้สักครั้ง คือเส้นทาง Inca Trail เพราะนอกเหนือจากการสัมผัสธรรมชาติแล้ว การเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวอินคาถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจของเส้นทางเดินป่า Inca Trail โดยนักเดินป่าต้องใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 4 วัน เริ่มต้นจากการเดินผ่านชุมชนในเมือง Cusco ข้ามแม่น้ำ Urubamba ซึ่งเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ จากนั้นจึงเข้าป่าโดยสมบูรณ์ ผ่านเทือกเขาแอนดีส เดินในป่าดิบชื้น จนมาถึง Machu Picchu ซึ่งความยากของที่นี่คือการเดินสลับขึ้นลงเขา แต่สุดท้ายปลายทางก็คุ้มค่าเมื่อได้สัมผัสอารยธรรมระดับโลก
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Inca Trail
อีกหนึ่งประเทศปลายทางที่นักเดินป่าและนักเดินทางนิยมมากันมากขึ้นเรื่อย ๆ คือเส้นทาง Routeburn Track ในประเทศนิวซีแลนด์ ที่ล่าสุดถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางของนักเดินป่าที่ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นเส้นทางเดินป่าที่ตั้งอยู่ระหว่างอุทยานแห่งชาติ Mt.Aspiring และ Fiord Land National Park โดยมีระยะเดินเท้าประมาณ 32 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินอยู่ที่ประมาณ 3-4 วัน ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินป่าที่มีความยากระดับกลาง และแวดล้อมไปด้วยทุ่งป่าสีเขียวธรรมชาติ รวมถึงลำธารน้ำใสสีเขียวตลอดเส้นการเดินทาง บวกกับคุณภาพอากาศบริสุทธิ์ที่โอบกอดรอบกาย พร้อมให้นักเดินป่าได้สะสมความสุขตลอดทริปแน่นอน
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ Routeburn Track
ปิดท้ายด้วยแลนด์มาร์ควิวสวยที่เชื่อมโยงระหว่าง 2 ประเทศโซนยุโรปไว้ได้อย่างลงตัว เรากำลังพูดถึงเส้นทางเดินป่า The Haute Route ด้วยเส้นทางลัดเลาะตามแนวเขาโดยเริ่มจากเส้นทาง Chamonix ประเทศฝรั่งเศส เรื่อยมาจนถึงเส้นทางตอนใต้ของ Valais และ Matterhorn Zermatt ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยเส้นทางที่เต็มไปด้วยหินแกร่งระหว่างทาง จึงเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ท้าทายนักเดินป่าอยู่ไม่น้อย โดยเฉลี่ยการเดินป่าในเส้นทาง The Haute Route นี้จะอยู่ที่ราวๆ 12-16 วัน หรือ 2 สัปดาห์
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่ The Haute Route
หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยยอมลดความสะดวกสบายในชีวิตให้น้อยลง เพราะหลงใหลการเดินป่า คือความสุขที่ได้เข้าใกล้ธรรมชาติให้มากขึ้น ซึ่งหาดูได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกปัจจุบัน แม้ในทุกการเดินทางจะขึ้นชื่อเรื่องของอุปสรรค การเตรียมความพร้อมเดินทางไกลก่อนแบกเป้เที่ยวไกลต่างแดนจึงเป็นเรื่องจำเป็น และอย่าลืมพกประกันการเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ (รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน) พร้อมสายด่วนช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ตลอด 24 ชม.ไปด้วยทุกที่ เพื่อให้คุณได้อุ่นใจในทุกทริปท่องเที่ยวใหม่ ๆ ตลอดเส้นทางเดินป่าตลอดปี!
สนใจประกันภัยการเดินทาง โทร. 0 2611 4242