
ดินแดนแห่งความฝันที่มีบอลลูนสีสันสดใสลอยอยู่เต็มฟ้า จะเป็นประเทศอื่นไปไม่ได้นอกจากที่นี่ “ตุรกี” แหล่งรวมมรดกโลกที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมของ 2 ทวีป เพราะตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย
แม้จะอยู่ในช่วงฤดูกาลเดียวกัน ก็ทำให้แต่ละพื้นที่มีอุณหภูมิต่างกันออกไปตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ดังนั้น ก่อนออกเดินทางเที่ยวตุรกี ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเดินทางแบบสมบุกสมบันและสภาพอากาศที่ต่างกันสุดขั้ว และเพื่อความปลอดภัยให้ทริปไม่ต้องหยุดชะงักกลางคัน ทุกทริปการเดินทาง เราควรมีประกันการเดินทางต่างประเทศที่พร้อมดูแลเราตลอดการเดินทาง
แม้จะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล คือฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) ฤดูร้อน (มิถุนายน-กันยายน) ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) แต่อันที่จริงที่ตุรกีสามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี ช่วงไฮซีซั่นจะอยู่ที่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต่อกับต้นฤดูร้อน และอีกช่วงอยู่ที่เดือนตุลาคมซึ่งเป็นต้นฤดูใบไม้ร่วงที่มีสภาพอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป หากพร้อมแล้ว สามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมะสม และเตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวตุรกีด้วยกันเลย
4 ฤดูกาลเที่ยวตุรกี ดื่มด่ำความงดงามชวนฝันได้ทุกซีซั่น - ฤดูร้อน (มิถุนายน-กันยายน)
- ฤดูร้อน (มิถุนายน-กันยายน)
เปิดทริปเที่ยวตุรกีหน้าร้อนต้องปักหมุดที่ คัปปาโดเซีย (Cappadocia) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์คของตุรกี ถ้าคุณเคยเห็นเมืองในเทพนิยายที่มีบอลลูนนับร้อยหลากสีลอยอยู่บนท้องฟ้า ตัดกับท้องฟ้าสวยงามอิ่มตาเกินบรรยาย นั่นคือคัปปาโดเซีย ที่สุดของที่สุดแห่งตุรกี สถานที่นี้เป็นถึงเมืองมรดกโลก ที่เต็มไปด้วยหมู่บ้านโบราณที่ทำจากหิน ที่ยังคงใช้งานได้จริงและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ ที่นี่ไม่มีอะไรโรแมนติกไปกว่าการขึ้นบอลลูนชมภูมิประเทศแปลกตาจากมุมสูง พร้อมชมวิวพระอาทิตย์อัสดงที่กลางเมืองแห่งนี้อีกแล้ว
นอกจากนั้น ที่บริเวณใต้ดินของเมืองคัปปาโดเซียยังมีความน่าตื่นตาตื่นใจรอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัส อย่างนครลับใต้ดิน (Kaymakli Underground City) ซึ่งนครใต้ดินแห่งนี้เกิดขึ้นในช่วงหลายพันปีก่อนคริสตกาล เกิดสงครามรุกรานชาวเมืองจึงพากันขุดเจาะพื้นดินลงไปกว่า 10 ชั้น สร้างหลุมหลบภัยเพื่อซ่อนตัว เมื่อสงครามยืดเยื้อนานวันการขุดก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนพื้นใต้ดินกลายเป็นเมืองอีกหลายเมืองด้วยกัน เมืองที่ใหญ่สุดมีชื่อว่า เดอรินกูยู (Derinkuyu) ซึ่งมีความลึกถึง 85 เมตร ที่มีทั้งโบสถ์คริสตจักร โรงเรียน โรงเก็บไวน์ และบ่อน้ำ มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีเมืองใต้ดินที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมากมาย ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมได้นานกว่าในช่วงฤดูร้อน และปิดเร็วขึ้นในฤดูหนาว
และขากลับต้องแวะไปเช็กอินเก็บเกี่ยวบรรยากาศสุดโรแมนติกของ โบดรัม (Bodrum) เมืองสมัยใหม่ที่หลอมรวมกับดินแดนทางประวัติศาสตร์ จนกลายมาเป็นเมืองตากอากาศสุดหรูหราและร่ำรวยที่สุดในตุรกี อาคารบ้านเรือนเกือบทั้งหมดของเมืองนี้จะเป็นสีขาวตัดกับสีครามของน้ำทะเล ผสมผสานกับโบราณสถานและอาคารเก่าแก่ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งเมืองอย่างปราสาทโบดรัมกับปราสาทเซนต์ปีเตอร์ได้อย่างลงตัว ที่นี่มีความคึกคักเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อน เพราะมีกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งการดำน้ำดูฝูงปลา ปิกนิก รวมถึงตระเวนรับประทานอาหารทะเลที่การันตีความสดเพราะเพิ่งจับขึ้นมาจากทะเลตรงอ่าว
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน)
พิกัดเช็กอินที่มีชื่อเสียง ที่หากได้มาเที่ยวตุรกีสักครั้งต้องมาเยือนคือ สุเหร่าสีน้ำเงิน มัสยิดสีขาวหินอ่อนแห่งนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘บลูมอสก์’ (Blue Mosque) นอกจากหลังคาสีฟ้าที่มองเห็นได้จากภายนอกแล้ว ภายในของอาคารขนาดใหญ่แห่งนี้ยังประดับประดาไปด้วยกระเบื้องอิซนิคสีฟ้าลายดอกไม้ ให้ความสดใสแผ่ไปทั่วอาคาร ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นด้วยเสาหินอ่อนสูงเสียดฟ้าที่ขนาบอยู่ด้านข้าง ด้านในเปิดให้เข้าชมแต่ต้องฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัดเนื่องจากเป็นพื้นที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามในทุกวัน แนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงเดือนเมษายนเพราะเป็นเดือนรอมฎอนนั่นเอง
ไปต่อกันที่ ย่านบาลัท (Balat) ถึงจะตั้งอยู่ในย่านลับตา แต่เสน่ห์ของอาคารและบ้านพักอาศัยแบบโบราณที่ยังคงคุณค่าและสีสันฉูดฉาดมานานกว่า 200 ปี ก็ทำให้ย่านนี้มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียง จนกลายเป็นที่เที่ยวตุรกีที่ถูกใจนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะเป็นแหล่งรวมคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งห้ามพลาดที่จะแวะมาเช็กอินถ่ายรูปในมุมต่าง ๆ ของย่านนี้
อีกหนึ่งที่เที่ยวตุรกี ที่เดินทางมาทั้งทีต้องแวะไปให้ได้ นั่นคือตลาดแกรนด์ บาซาร์ (Grand Bazar) ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอิสตันบูล ที่นี่ถูกสร้างมานานกว่า 1,500 ปีแล้ว เป็นแหล่งรวมร้านค้าไว้มากกว่า 4,000 ร้าน มีการจำหน่ายสินค้าหลากหลาย รวมถึงของที่ระลึกในสไตล์ตุรกี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ เครื่องปั้นดินเผา ของโบราณ ผ้าพื้นเมือง และเครื่องหนัง แต่ของที่ระลึกที่ขึ้นชื่อที่สุด คือ ทองคำที่ถูกออกแบบด้วยลวดลายอันสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากมีโอกาสแวะเวียนไปที่นี่เมื่อไหร่ ต้องได้ของฝากติดมือกันมาบ้างแน่นอน
- ฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ รับรองได้ว่าต้องถูกใจที่เที่ยวตุรกีสุดอลังการอย่าง พระราชวังโทพคาปี (Topkapi Palace) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอิสตันบูล ซึ่งมีความเก่าแก่อายุหลายร้อยปีแห่งนี้แน่นอน ในอดีต ที่นี่เป็นที่ประทับหลักของสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมันมานานหลายศตวรรษ แต่ในปัจจุบันกลายเป็นสถานที่เก็บโบราณวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของตุรกี เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมากกว่า 40 ห้อง จุดสำคัญอยู่ที่ห้องโถงทรงโดมขนาดใหญ่ที่สุลต่านเคยใช้พักผ่อน และห้องครัวที่ประดับด้วยกระเบื้องจากจีนและญี่ปุ่นกว่า 12,000 ชิ้น
สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปขอให้ปักหมุดดื่มด่ำไปกับมนตร์ขลังทางสถาปัตยกรรมที่ เอฟิซัส (Ephesus) มหานครโบราณแห่งโรมัน แหล่งโบราณคดีที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวแห่งอารยธรรมของเมืองกรีกโบราณ โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่ตระการตาของหอสมุดเซลซุส (Library of Celsus) ที่คงความสวยงามแม้จะเหลือเพียงเฉพาะด้านหน้า จุดบูชาเทพเจ้าและโรงละครโบราณที่จุคนได้มากกว่า 25,000 คน ล้วนเป็นศิลปะแบบเฮลเลนิสติกที่ถูกสร้างโดยช่างฝีมือสุดประณีต ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางความมั่งคั่งที่สุดของแถบเมดิเตอร์เรเนียน ขนาดที่ว่าถนนทุกสายในเมืองปูด้วยหินอ่อน จึงพลาดไม่ได้ที่จะเดินทางท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้
- ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม)
เติมเต็มบรรยากาศความงดงามทางธรรมชาติกับ ปามุคคาเล (Pamukkale) เนินเขาหินปูนสีขาวสวยงามเหมือนปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) แห่งนี้ เกิดจากการสะสมตัวของหินปูน (แคลเซียมคาร์บอเนต) ค่อย ๆ เกาะขอบบ่อที่ลดหลั่นกันลงมา กลายเป็นผนังสีขาวคล้ายระเบียงน้ำพุร้อนที่ซ้อนกันหลายชั้นเป็นแนวไหลรวมเกิดเป็นน้ำตกทอดยาวเกือบ 3 กิโลเมตร มีความเชื่อว่าสามารถช่วยบำบัดอาการป่วยต่าง ๆ และถูกขนานนามว่า เฮียเอราโปลิส (Hierapolis) ที่หมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำ แต่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ซึ่งควรค่าแก่การไปเยือน แน่นอนว่าช่วงที่เหมาะแก่การเดินทางไปมากที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ เพราะน้ำจะขึ้นจนล้น เป็นความสวยงามสะกดตาติดตรึงใจ
เพราะตุรกีคือประเทศที่เต็มไปด้วยประวัตศาสตร์ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ชวนให้ออกเดินทางท่องเที่ยวและผจญภัย หากยังไม่สามารถเลือกฤดูที่ชอบได้ ก็เลือกตามเวลาที่สะดวกตามแต่วันลาจะเอื้ออำนวย ที่สำคัญอย่าลืมการซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจนทำให้ต้องเลื่อนวันเดินทางหรือยกเลิกทริป ก็ยังมีประกันเดินการเดินทางชับบ์ช่วยดูแล
สนใจประกันภัยการเดินทาง โทร. 0 2611 4242