อัปเดต! 10 ที่เที่ยวตุรกีมาแรงแห่งปี 2024 เที่ยวสบายไม่ต้องขอวีซ่า

    จากความรุ่งเรืองของ ‘อาณาจักรโรมันตะวันออก’ เดินทางข้ามผ่านเวลามายาวนับพันปี หลอมรวมเป็น ‘ตุรกี’ (ตุรเคีย) ดินแดนทรงเสน่ห์ที่รวมอารยธรรมและประวัติศาสตร์เอเชียเข้ากับเมดิเตอร์เรเนียนได้อย่างลงตัว ตะลอนทีเดียวเที่ยวได้หลายอารมณ์สมชื่อ ‘เมือง 2 ทวีป’ ตุรกีจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกฝันจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต ชับบ์ รวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวตุรกีมาแรงแห่งปี 2024 เที่ยวสบาย ไม่ต้องขอวีซ่า อย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจด้วยประกันภัยการเดินทางชับบ์ (Chubb Travel Insurance) ที่พร้อมดูแลคุณอย่างเต็มที่ ถ้าต้องเจอเรื่องเซอร์ไพรส์นอกแผนท่องเที่ยวที่วางไว้ ส่วนที่เที่ยวตุรกีจะมีสถานที่ใดไม่ควรพลาด...มาอัปเดตกันเลย!

hagia-sophia-monsque-sunset-istanbul

1. Hagia Sophia:

    ใครไปเที่ยวตุรกีแล้วต้องไปชมความงดงามของ ‘วิหารเซนต์โซเฟีย’ หรือ ‘สุเหร่าเซนต์โซเฟีย’ มหาวิหารหลวงอายุกว่า 1,400 ปี คำว่า ‘ฮาเกียโซเฟีย’ หรือ ‘อายาโซฟยา’ หมายถึง ‘พระปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์’ และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “มัสยิดใหญ่อายาโซฟยาอันศักดิ์สิทธิ์” สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สะท้อนความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันและไบแซนไทน์ไว้อย่างกลมกล่อม แม้ภายนอกจะดูเรียบง่าย แต่ซ่อนความโอ่อ่าไว้ภายในด้วยหินอ่อน กระเบื้องโมเสกสีทอง รวมถึงของตกแต่งสุดหรูในยุคนั้น ที่ผ่านมาวิหารเซนต์โซเฟียจะได้รับการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคสมัย ทั้งเคยเป็นโบสถ์ (คริสตจักรฮาเกีย โซเฟีย) มัสยิด พิพิธภัณฑ์ กระทั่งกลับมาเป็นมัสยิดอีกครั้ง วิหารเซนต์โซเฟียก็ยังตั้งตระหง่านคงความสวยงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างยอดเยี่ยม ความเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา การใช้ขาตั้งกล้องอาจไม่เหมาะเท่าไหร่ แนะนำให้พกไม้เซลฟี่ไปเก็บภาพความประทับใจจะเซฟที่สุด: ใครไปเที่ยวตุรกีแล้วต้องไปชมความงดงามของ ‘วิหารเซนต์โซเฟีย’ หรือ ‘สุเหร่าเซนต์โซเฟีย’ มหาวิหารหลวงอายุกว่า 1,400 ปี คำว่า ‘ฮาเกียโซเฟีย’ หรือ ‘อายาโซฟยา’ หมายถึง ‘พระปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์’ และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “มัสยิดใหญ่อายาโซฟยาอันศักดิ์สิทธิ์” สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สะท้อนความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันและไบแซนไทน์ไว้อย่างกลมกล่อม แม้ภายนอกจะดูเรียบง่าย แต่ซ่อนความโอ่อ่าไว้ภายในด้วยหินอ่อน กระเบื้องโมเสกสีทอง รวมถึงของตกแต่งสุดหรูในยุคนั้น ที่ผ่านมาวิหารเซนต์โซเฟียจะได้รับการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคสมัย ทั้งเคยเป็นโบสถ์ (คริสตจักรฮาเกีย โซเฟีย) มัสยิด พิพิธภัณฑ์ กระทั่งกลับมาเป็นมัสยิดอีกครั้ง วิหารเซนต์โซเฟียก็ยังตั้งตระหง่านคงความสวยงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างยอดเยี่ยม ความเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา การใช้ขาตั้งกล้องอาจไม่เหมาะเท่าไหร่ แนะนำให้พกไม้เซลฟี่ไปเก็บภาพความประทับใจจะเซฟที่สุด

woman-standing-celsus-library-ephesus-ancient-city-izmir

2. Ephesus:

    เมืองกรีกโบราณ ‘เอฟิซุส’ มีความอลังการเป็นอันดับสองรองจากโรมในสมัยโรมัน หินที่ถูกนำมาก่อสร้างล้วนมีขนาดมหึมาและผ่านการใส่รายละเอียดลงไปอย่างประณีต นับเป็นซากเมืองโบราณที่สมบูรณ์และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปเยือน ประกอบด้วยจุดสำคัญต่าง ๆ เช่น โบสถ์เอฟิซุส ยิมเนเซียมเวติอุส สนามกีฬา โรงอาบน้ำ หอสมุดเซลซุส ฯลฯ ใช้เวลาประมาณ 60 นาที ก็เที่ยวได้ครอบคลุมแลนด์มาร์กสำคัญเกือบทั่วบริเวณ

3. Topkapi Palace:

    พระราชวังโทพคาปี เป็นวังหลวงสมัยอาณาจักรออตโตมัน แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ พระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม ปัจจุบันดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสมบัติล้ำค่าของราชวงศ์ ส่วนไฮไลต์ที่ไปแล้วต้องได้ชื่นชมด้วยสองตาคือ กริชฝังมรกตและเพชรขนาด 86 กะรัต ใหญ่เกินต้านจนมองเห็นได้ตั้งแต่หน้าประตูห้อง นอกจากจะชื่นชมความเฟื่องฟูของยุคสมัย แล้วด้านหลังของปราสาทยังเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นช่องแคบบอสพอรัส (Bosphorus) บรรจบกับทะเลมาร์มารา (Sea of Marmara) ได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ว่ามาจึงเป็นคำตอบได้ว่า มีโอกาสเที่ยวตุรกีทั้งทียังไงก็ไม่ควรพลาดพระราชวังโทพคาปี

young-woman-during-sunrise-watching-hot-air-balloons-cappadocia

4. Cappadocia:

    ดินแดนที่มีบอลลูนเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวที่หลายคนใฝ่ฝัน แคปพาโดเซียมีบริการท่องเที่ยวด้วยบอลลูนได้จากแทบทุกโรงแรมในเมือง ข้อควรรู้คือ บอลลูนที่นี่จะขึ้นบินได้ก็ต่อเมื่อได้ไฟเขียว ลมฟ้าอากาศยามเช้าต้องอำนวยเท่านั้น คุ้มสุดถ้าเผื่อเวลาท่องเที่ยวในเมืองสัก 2 วัน เพราะคุณต้องใช้เวลายามเช้า 1 วันไปกับการขึ้นบอลลูน และแบ่งเช้าอีกวันให้กับการถ่ายรูปบอลลูนบนท้องฟ้า โดยแต่ละเดือนจะมีช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นแตกต่างกันพอควร แนะนำให้เช็กทุกครั้งก่อนการเดินทางจะได้ไปไม่เสียเที่ยวไงล่ะ

** ประกันการเดินทางต่างประเทศ จะไม่ครอบคลุมการท่องเที่ยวด้วยบอลลูน หากคุณไม่มั่นใจในความปลอดภัย แนะนำให้ชมความสวยงามของบอลลูนเต็มท้องฟ้าในโรงแรม ร้านอาหาร หรือคาเฟ่สวย ๆ ก็ได้เช่นกัน

view-through-arch-gate-blue-mosque-istanbul

5. Blue Mosque:

    มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ ‘สุเหร่าสีน้ำเงิน’ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวตุรกีที่ไม่ไปถือว่าพลาด เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความเป็นโรมันและออตโตมันได้อย่างสวยงามตระการตา แม้จะผ่านกาลเวลามายาวนาน และยังเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่เปิดให้ชาวมุสลิมเข้าไปละหมาดในทุกวัน นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนทุกคนจึงต้องแต่งกายอย่างสุภาพ ถ้ามาแล้วไม่ตรงคอนเซ็ปต์ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเขามีผ้าสำหรับคลุมผม และชุดลำลองให้เลือกใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

6. Hippodrome:

    ในสมัยที่นครคอนสแตนติโนเปิลยังเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ฮิปโปโดรมเป็นสนามแข่งม้าที่เคยจุผู้ชมได้มากกว่า 1 แสนคน ปัจจุบันฮิปโปโดรมเปลี่ยนเป็น ‘จัตุรัสสุลต่านอาห์เมต’ (Sultanahmet Square) ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะ ปฏิมากรรมหินแกรนิตเก่าแก่อย่าง เสาโอเบลิสก์แห่งธีโอโดเซียส (Obelisk of Theodosius) ใกล้กันยังมีเสางูทำจากสำริดลักษณะคอดเกี่ยวกัน กลายเป็นจุดนัดพบของนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ ฮิปโปโดรมเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวตุรกีที่ควรไปอย่างยิ่ง

view-basilica-cistern-istanbul-turkey

7. Yerebatan Sarnici:

    แลนด์มาร์กสุดลึกลับในอิสตันบูลต้องยกให้ ‘อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน’ เดิมเป็นโรงเก็บน้ำเพื่อส่งไปยังพระราชวังโทพคาปี (Topkapi Palace) รวมถึงอาคารอื่น ๆ ที่อยู่สูงขึ้นไปบนเนินเขา เพราะจุน้ำได้กว่า 80,000 ลูกบาศก์เมตร อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตันเต็มไปด้วยเสาต้นใหญ่ขนาดมหึมาเรียงรายเป็นแถวกว่า 300 ต้น ที่โดดเด่นสะดุดตาคือ ‘เสาเมดูซ่า’ ที่วางกลับหัวไว้อย่างน่าพิศวง ปัจจุบันไม่มีน้ำอยู่ภายในและเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความลึกลับได้ทุกวัน

8. Bosporus strait:

    เดิมทีช่องแคบบอสพอรัส หรือ ‘ช่องแคบอิสตันบูล’ มีไว้สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ริมน้ำสำหรับเดินเรือข้ามฟาก และเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศจากทะเลดำสู่ทะเลมาร์มารา (Sea of Marmara) แบ่งประเทศตุรกีออกเป็นสองฝั่งคือ ยุโรป (รูมิเลีย) และเอเชีย (อนาโตเลีย) การล่องเรือชมบรรยากาศของช่องแคบตุรกีไปจนถึงทะเลอันกว้างใหญ่ในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังค่อย ๆ ลับขอบฟ้า จึงมีค่าเทียบเท่ากับการได้เรียนรู้วิถีชีวิตริมน้ำของเมืองที่มีอารยธรรมสืบทอดมายาวนาน พร้อมดื่มด่ำกับอาหารบนเรือสำราญและชมความมหัศจรรย์ของสองทวีปในคราวเดียว

pamukkale-travel-turkey

9. Pamukkale:

    หนึ่งในสถานที่เที่ยวตุรกียอดนิยมตลอดกาลต้องยกให้ ‘น้ำตกเกลือปามุคคาเล่’ หรือ ‘ปราสาทปุยฝ้าย’ อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติของตุรกีที่สวยสะกดตาเหมือนเดินอยู่ในดินแดนเทพนิยาย บริเวณน้ำตกสีขาวเกิดจากธารน้ำใต้ดินพัดพาเอาแร่หินปูนขึ้นมาเหนือพื้นดิน และจับตัวกันเป็นบ่อสลับลายริ้วลดหลั่นกันไปจนกลายเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิอากาศที่นี่จะเย็นสบาย พร้อมกับน้ำเต็มแอ่งดูงดงามสมฉายาปราสาทปุยฝ้าย ไปคนเดียวก็โพสต์ท่าเท่ ๆ เก็บบรรยากาศไว้ลงโซเชียลได้แบบจัดเต็ม

mosaic-ottoman-lamps-from-grand-bazaar

10. Grand Bazaar:

    ก่อนกลับต้องไม่พลาดแหล่งช็อปปิงสไตล์เตอร์กิชที่โด่งดังสุด ๆ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในที่เที่ยวตุรกีที่นักท่องเที่ยวต้องมาอย่าง ‘บาร์ซ่า’ ตลาดเก่าแก่ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,500 ปี ทุกวันจันทร์ – เสาร์ ที่นี่จะครึกครื้นราวกับกำลังอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์มีชีวิต อัดแน่นไปด้วยของฝากที่รวบรวมจากทุกสารทิศในตุรกี จากคำบอกเล่าปากต่อปากของนักท่องเที่ยวร่ำลือว่า สินค้าของที่นี่มักตั้งราคาสูงกว่าความจริงราว 50% ให้พอได้งัดสกิลการต่อรองออกมาใช้แบบหอมปากหอมคอ แน่นอนว่า คุณสามารถตามหาเครื่องรางเก๋ ๆ ขนมอร่อยแบบเตอร์กิช ดีไลท์ หรือพรมสักผืน แต่ก่อนจะหิ้วของฝากจากตุรกีติดมือกลับบ้าน อย่าลืมเช็กพื้นที่ในกระเป๋าเดินทางว่ายังมีเหลือเฟือพอให้พกของชิ้นใหญ่กลับบ้านได้หรือเปล่า!

ตุรกียังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกเยอะรอให้คุณสัมผัส อย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจด้วยการซื้อประกันการเดินทางจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ และได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรหลายประเทศทั่วโลก พร้อมช่วยเหลือในกรณีเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ทรัพย์สินสูญหาย หรือเกิดเหตุไม่คาดฝันในต่างแดน ประกันภัยการเดินทางชับบ์ (Chubb Travel Insurance) พร้อมดูแลคุณอย่างดีที่สุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2611-4242