
หนีห่าว…ไชน่า ชวนมาส่องความสวยงามของธรรมชาติอันเลื่องชื่อของที่เที่ยวเมืองจีน จนได้รับขนานนามขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก พร้อมกับวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และอาหารน่าตื่นตา กับ 10 เมือง 10 สถานที่เด็ดคัดมาแบบเน้นๆ
แค่กางแผนที่ออกมาแลนด์มาร์คสถานที่เที่ยวในจีนก็เยอะแยะละลานตาไปหมด ลองปักหมุดเป้าหมายที่เมืองไหนสักแห่งแล้วตระเวนไปให้ทั่วทีละแคว้น หรือแบ่งทริปบินเที่ยวให้ครบทุกเมืองเลยก็ยังไหว เพราะชับบ์สามัคคีประกันภัยมีประกันเดินทางต่างประเทศ
1.เมืองซีอาน (Xian) : เที่ยวจีนสถานที่แรกอย่ารอช้าแนะนำให้ตรงดิ่งไปที่สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกเมืองซีอาน จุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมอันลือเลื่องกับ ‘สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้’ ที่นี่เปรียบเหมือนบันทึกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง บอกเล่าความเชื่อของชีวิตหลังความตายและเป็นอมตะผ่านกองทัพทหารดินเผาที่ซ่อนอยู่ใต้ดินมากว่า 2,700 ปี อลังการสมความเป็นจีนดั้งเดิม ใกล้ ๆ กันยังมีพิพิธภัณฑ์ให้ได้ชมโบราณวัตถุต่าง ๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
2.เมืองฉางซา (Changsha) : ฉางซาเป็นอีกเมืองที่แบกเป้ไปซ้ำได้ตลอดปี สถานที่เที่ยวไฮไลท์ของที่นี่คือ ‘อุทยานจางเจียเจี้ย’ หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ได้รับการขนานนามว่าสวยที่สุดของจีน ซึ่งหนึ่งในที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้มาเยือนอุทยานแห่งนี้คือ เขาเทียนเหมินซาน หรือ ประตูสวรรค์ ภูเขาหินเรียงรายสลับกันไปสุดลูกหูลูกตาที่มีความสวยงามทางธรรมชาติติดอันดับ 1 ใน 4 ของโลก ลองใช้เวลาไปกับเมืองน่าค้นหาแห่งนี้ด้วยการนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก แล้วอย่าพลาดโชว์ดี ๆ อย่างโชว์นางจิ้งจอกขาวที่ขนนักแสดงมากกว่า 600 ชีวิต เพื่อบอกเล่าตำนานความรักคู่เมืองฉางชา ระหว่างนางพญาจิ้งจอกขาวกับชายหนุ่มคนตัดฟืน
3.เมืองฉงชิ่ง (Chongqing) : หนึ่งในที่เที่ยวจีนที่ไม่ควรพลาด ด้วยเพราะมหานครฉงชิ่งคือการผสานความทันสมัยและธรรมชาติสุดอลังการเข้าไว้ด้วยกัน ที่อุทยานแห่งชาติ ‘หลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์’ หรือ ‘เทียนเชิงซ่านเฉียว’ เลิศตรงที่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในระดับ 5A ตั้งอยู่ในเมืองอู่หลง ที่นี่คุณสามารถเพลิดเพลินบนระเบียงแก้วท้าความเสียวบนพื้นกระจกสูง 1,200 เมตร [DP1] และพบกับสถาปัตยกรรมของโรงเตี๊ยมเก่าแก่ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง และสะพานสวรรค์ 3 แห่งถึงเส้นทางจะไกลแต่ความสวยงามของธรรมชาติคุ้มกับเหงื่อที่เสียไปแน่นอน
4.เมืองกุ้ยโจว (Guizhou) : เมืองที่มีชื่อเสียงด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างกุ้ยโจวก็มีไฮไลท์เด่นที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ให้ คือ ‘น้ำตกซื่อสุ่ย’ หรือ ‘น้ำตกหวีสวย’ ครองแชมป์สายน้ำตกอันดับ 1 ของประเทศจีน มีความสูงถึง 76 เมตร ไหลผ่านภูเขาสายรุ้ง ตกลงจากหน้าผาสูง และไหลผ่านเมืองยาวไปตลอดทาง นักท่องเที่ยวที่ข้อเข่ามีปัญหาขาไม่แข็งแรงก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการผจญภัยที่นี่ เพราะเขาอำนวยความสะดวกให้ขั้นสุดด้วยการเจาะภูเขาทำลิฟต์นำนักท่องเที่ยวลงสู่ชั้นล่างของน้ำตก ใครชักชวนผู้หลักผู้ใหญ่ไปเที่ยวด้วยแล้วเจอแบบนี้ล่ะก็ถึงไหนถึงกัน
5.เมืองเฉิงตู (Chengdu) : เฉิงตูจัดเป็นเมืองเอกในมณฑลเสฉวน ภูมิประเทศเป็นหุบเขาที่อุดมไปด้วยลำธาร น้ำตก และทะเลสาบสีมรกตสวยสะกดตา จึงทำให้ ‘หุบเขาจิ่วจ้ายโกว’ ถูกเก็บเข้าลิสต์มรดกโลกทางธรรมชาติไปแบบไม่มีข้อกังขา ด้วยความสวยงามอันน่ามหัศจรรย์ที่รวบหุบเขา 3 แห่งหลักไว้ด้วยกัน ได้แก่ หุบเขาจิ่วจ้ายโกว หุบเขาเจ้อจ่าหวาโกว และหุบเขารื่อเจ๋อโกว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมพักในอุทยานช่วงเดือนตุลาคม เพราะตรงกับฤดูการผลัดใบ ต้นไม้น้อยใหญ่จะพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นใบไม้หลากสีสันสวยเกินต้าน ใครวางแผนบินไปเที่ยวจีนเร็ว ๆ นี้รับรองฟิน!
6.เมืองเสฉวน (Sichuan) : ทะเลสาบหลากสีที่ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ และยอดเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมงดงามตลอดปีของ ‘อุทยานธารน้ำมังกรเหลือง’ หรือ ‘ฮวงหลง’ สวยจนได้รับฉายาว่าเป็นสระสวรรค์ในแดนดิน เลยทำให้ที่นี่คึกคักมากเป็นพิเศษในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม และปิดทำการให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูในช่วงพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี ฮวงหลงตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเสฉวน ไม่ไกลจากจิ่วจ้ายโกวเท่าไหร่ จึงเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมวางแผนรวบไว้ด้วยกันให้เที่ยวได้แบบทั่วถึง
7.เมืองกุ้ยหลิน (Guilin) : แม้กุ้ยหลินจะอยู่ทางตอนใต้ของประเทศแต่ยังคงมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ไม่ว่ามองด้วยตาหรือถ่ายรูปออกมามุมไหนกุ้ยหลินก็สวยงาม เที่ยวจีนหนนี้ต้องไม่พลาดปักหมุดเมืองนี้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องไป โดยเฉพาะสายธรรมชาติตัวจริง เพราะที่นี่อุดมไปด้วยขุนเขากว่า 27,000 ยอด และสายน้ำหลีเจียงสีเขียวมรกตกว้างไกลกว่า 400 กิโลเมตร มีเขางวงช้างเป็นไฮไลท์ ด้วยรูปทรงคล้ายช้างกำลังก้มดื่มน้ำนี่เองที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอยากมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง แนะนำให้ล่องแพแบบดั้งเดิมเพื่อชมความงดงามของธรรมชาติแบบใกล้ชิด
8.เมืองคุนหมิง (Kunming) : คุณหมิงในวันนี้กลายเป็นเมืองที่เติบโตร่วมกับวัฒนธรรมได้อย่างเหลือเชื่อ วัดเก่าแก่ยังคงได้รับการดูแลอย่างดี ดั่งเช่น ‘วัดหยวนทง’ ศาสนสถานที่รวมเอาทั้งวัดไทย พม่า และธิเบต มาร่วมสร้างเป็นอารามเพื่อพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ซึ่งถูกสร้างมาตั้งแต่ราชวงศ์ถัง อายุยาวนานกว่า 1,200 ปี มีเอกลักษณ์ที่หลังคาสีเหลืองอร่าม ซึ่งนับเป็นสีที่ใช้ได้เฉพาะฮ่องเต้นั่นเอง ด้านหลังของวัดยังมีโบสถ์ที่สร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมจีน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช ชาวไทยที่ไปเที่ยวจีนนิยมกราบไหว้เพื่อเสริมสิริมงคล
9.เมืองต้าหลี่ (Dali) : ห่างจากคุนหมิงออกมา 400 กิโลเมตร จะพบกับต้าหลี่ ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยอันดับต้น ๆ ของจีนเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาชางซานที่สูงถึง 4,000 เมตร ส่วนอีกด้านติดทะเลสาบเอ๋อไห่ ‘เมืองโบราณต้าหลี่’ จึงเป็นอีกสถานที่เที่ยวในจีนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเติมเต็มความคึกคักได้ตลอดปี เพราะที่นี่รวมเอาเจดีย์สามองค์ในวัดฉงเซิ่ง ทะเลสาบเอ๋อไห่ น้ำพุหูเตี๋ย กำแพงเมือง ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ต้องห้ามพลาดสำหรับผู้มาเยือน
10.เมืองลี่เจียง (Lijiang) : ปิดท้ายทริปเที่ยวจีนด้วยธรรมชาติที่เมืองเก่าสุดคลาสสิกอย่างลี่เจียง เริ่มต้นชาร์ตพลังให้ชีวิตด้วยทริปท่อง ‘ทะเลสาบไป๋สุ่ยเหอ’ หรือ ‘ทะเลสาบพระจันทร์สีน้ำเงิน’ ที่นี่เป็นทะเลสาบสีฟ้าเทอควอยซ์ใส่ปิ๊ง มีภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลัง สวยสะกดทุกสายตาเหมือนหลุดออกมาจากซีรีส์ 4K อีกไฮไลท์อยู่ถัดไปด้านหลังภูเขามีน้ำตกไป๋สุ่ยเหอ ที่ไหลลดหลั่นกันลงไปจนกลายเป็นธารน้ำขาวฟุ้ง ชวนให้คุณหลงใหลลี่เจียงได้ง่าย ๆ เลยล่ะ
ประเทศจีนดูแลแหล่งมรดกโลกมากมายเอาไว้ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับเปิดประตูรอคอยนักท่องเที่ยวเสมอ พาหัวใจไปออนทัวร์สัมผัสกลิ่นอายความเป็นจีนแผ่นดินใหญ่หลากหลายมุมเมืองอย่างเต็มที่ได้แล้ววันนี้ แล้วอย่าลืมพกประกันการเดินทางไปด้วยล่ะ เพียงแค่มีประกันการเดินทางชับบ์ ไม่ว่าจะเป็นทริปสั้นเพื่อหย่อนใจหรือทริปตะลุยเมืองไหน ๆ ก็เที่ยวได้ไม่มีหวั่นแล้ว
สนใจประกันภัยการเดินทาง โทร. 0 2611 4242