10 สถานที่ท่องเที่ยวโครเอเชีย เสี้ยวพระจันทร์แห่งยุโรปที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต 

    จินตนาการถึงทะเลเมดิเตอร์เนียนในวันอากาศดี กำแพงหินสีขาวที่โอบกอดเมืองโบราณไว้บนหน้าผาสูง ประเทศในแนวชายฝั่งทะเลเอเดียติก (Adriatic) อบอวลด้วยหมู่เกาะถึง 1,244 เกาะ โครเอเชีย (Croatia) เจ้าของฉายา “ดินแดนพันเกาะ” (The Land of a Thousand Islands) เมืองท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล และเป็นประเทศในทวีปยุโรปที่กำลังไต่อันดับความนิยมในใจนักเดินทาง เพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องดัง ‘Game of Thrones’ และเมืองตากอากาศของเซเลบริตี้ หากคุณฝันอยากถ่ายรูปกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีคราม จิบไวน์ในไร่องุ่น ผ่อนคลายในทุ่งลาเวนเดอร์ ชับบ์ชวนคุณมาทำความรู้จักกับ “ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแห่งยุโรป” ที่ความปรารถนาทั้งหมดของคุณจะเป็นจริง แล้ววันหยุดยาวจะกลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจไปอีกนาน 

กว่าจะมาเป็น ‘โครเอเชีย’ เสี้ยวพระจันทร์แห่งยุโรปที่งดงาม

    คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า สาธารณรัฐโครเอเชีย (Republic of Croatia) เป็นประเทศที่ผ่านการต่อสู้มายาวนาน เคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อยู่หลายครั้ง ผ่านทั้งสงครามโลกและสงครามกลางเมืองที่ดุเดือด กว่าจะได้รับสันติภาพและความสุขสงบเมื่อราว 28 ปีที่ผ่านมา (ในปี ค.ศ.1995)

    แม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่เพียง 56,594 ตารางกิโลเมตร (ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 513,120 ตารางกิโลเมตร) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรบอลข่าน โดดเด่นด้วยภูมิประเทศรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ มีเมืองหลวงที่ชื่อ ‘ซาเกร็บ’ (Zagreb) แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมาย เช่นเดียวกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่งดงาม ทะเลเมดิเตอร์เรเนียมสีคราม และอุทยานแห่งชาติที่สวยงามแปลกตา นั่นทำให้การท่องเที่ยวมีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโครเอเชียมาจนถึงปัจจุบัน

    ด้วยเหตุผลที่ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองมาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่จักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) ช่วงศตวรรษที่ 1-5 ยุคนั้นเป็นเพียงแค่จังหวัดที่มีชื่อว่า “ดัลมาเทีย” (Dalmatia) ก่อนที่ชาวโครแอต (Croat) และกลุ่มสลาฟ (Slavs) ชาวโปแลนด์จะอพยพมาตั้งถิ่นฐานในศตวรรษที่ 6-7 ชาวเมืองรู้จักศาสนาคริสต์ครั้งแรกในศตวรรษที่ 9 กระทั่งในปี ค.ศ. 925 ราชอาณาจักรโครเอเชียก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์โทมิสลาฟ (Tomislav) ก่อนจะทำสงครามกับเวนิสในอีก 44 ปีต่อมา

    โครเอเชียตกเป็นเมืองขึ้นของฮังการีในปี ค.ศ. 1091 และรวมเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ฮับส์บูร์กออสเตรีย (Habsburg Austria) ในปี ค.ศ. 1527 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจักรววรดิออสเตรีย-ฮังการี (Austria-Hungary Empire) ในปี ค.ศ. 1868 ทำให้โครเอเชียถูกรวมเข้ากับสโลวาเนียในฐานะราชอาณาจักรโครเอเชีย-สโลวาเนีย (Kingdom of Croatia-Slovenia)

    ทว่าหลังการล่มสลายของจักรววรดิออสเตรีย-ฮังการีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โครเอเชียรวมกับเซอร์เบียสถาปนาเป็น “ราชอาณาจักร เซิร์บ โครแอต แอนด์ สโลวีน” (State of Slovenes, Croats and Serbs) ในปี ค.ศ. 1918 และเปลี่ยนชื่อเป็น “ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย” (Kingdom of Yugoslavia) ประกอบด้วย 6 รัฐ เช่น เซอร์เบีย โครเอเชีย สโลวาเนีย บอสเนีย มาซิโดเนีย และมอนเตเนโกร

    ด้วยความยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรยูโกสลาเวียทำให้มหาอำนาจเริ่มกังวล สหรัฐอเมริกาและอังกฤษจึงร่วมกับกองกำลังนาโต (NATO: North Atlantic Treaty Organization) เข้าแทรกแซงอย่างหนักจนยูโกสลาเวียแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ โครเอเชียประกาศแยกตัวจากยูโกสลาเวียเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1991 แต่ก็ต้องทำสงครามต่ออีก 4 ปีกระทั่งในปี ค.ศ. 1995 โครเอเชียก็ประกาศชัยชนะเหนือยูโกสลาเวีย และเข้าร่วมกับสหภาพยุโรปในปี ค.ศ. 2013

    กระทั่งในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2023 โครเอเชียก็ฉลองปีใหม่ด้วยการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 2 เหตุการณ์ นั่นคือ การเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของสหภาพยุโรป (European Union) ที่หันมาใช้เงินสกุลยูโร และเข้าร่วมเป็นภาคีของเขตเชงเก้น (Schengen) เป็นการบรรลุความตั้งใจที่มีมายาวนานของโครเอเชีย ที่ต้องการใกล้ชิดแนบแน่นกับสหภาพยุโรปมากขึ้น

** เกร็ดสนุก ๆ ทางประวัติศาสตร์ **

• ลายตารางหมากรุกสีขาวสลับแดง ซึ่งเป็นตราแผ่นดินของโครเอเชีย มีที่มาจากการชนะเกมหมากรุกของกษัตริย์สตีเฟน ดิสชีสลาฟ (Steven Drzislav) ที่มีชัยเหนือผู้นำเวนิสในศตวรรษที่ 9
• ราชอาณาจักร เซิร์บ โครแอต แอนด์ สโลวีน (State of Slovenes, Croats and Serbs) เป็นราชอาณาจักรที่อายุสั้นที่สุด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 1918 และสิ้นสุดลงในวันที่ 1 ธ.ค. 1918 

10 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในโครเอเชีย

    ด้วยเหตุผลที่การท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของโครเอเชียมานานหลายทศวรรษ ภายหลังจากประเทศได้รับอิสรภาพและความสงบสุขกลับคืนมา ก็ถึงเวลาแล้วที่คนทั่วโลกจะได้สัมผัสกับความงดงามของเสี้ยวพระจันทร์แห่งยุโรป ที่เก็บซ่อนความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติบริสุทธิ์ไว้มากมาย เราคัดเลือก 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโครเอเชียมาให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จัก หากใครมีโอกาสได้ไปเยือนเราเตือนว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

    ดูบรอฟนิก (Dubrovnik Old Town) เขตเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและยาวนาน ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 7 มรดกทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ล้วนปรากฏเด่นชัดผ่านสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ดูบรอฟนิกขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1979 และเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง Game of Thrones ทำให้แฟนซีรีส์เรื่องนี้ฝันอยากจะมาเที่ยวดูบรอฟนิกสักครั้ง คุณสามารถเดินสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่าง ๆ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ และโบสถ์เก่าแก่ เพราะสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ล้วนได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และเปี่ยมด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดูบรอฟนิกจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยี่ยมชมสำหรับคนที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโครเอเชีย

    สปลิท (Split) อีกหนึ่งเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สปลิทเป็นที่ตั้งของพระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian) อันงดงาม และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979 เช่นกัน พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิโรมันไดโอคลีเชียนในศตวรรษที่ 4 ซึ่งยังคงรักษาความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมโรมันโบราณไว้อย่างดี ปัจจุบันย่านเมืองเก่าของสปลิทเป็นศูนย์กลางการค้าและกิจกรรมที่คึกคัก บนถนนแคบ ๆ เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านอาหาร ซึ่งนักเดินทางสามารถดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์ผ่านการสำรวจพระราชวังและสถานที่โบราณต่าง ๆ เช่น มหาวิหารเซนต์ดอมนิอุส (The Cathedral of St. Domnius) การผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์โบราณและวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของสปลิท ที่นี่จึงเป็นจุดหมายที่น่าหลงใหลสำหรับนักเดินทาง

    ซาดาร์ (Zadar) อดีตเมืองท่าสำคัญของอาณาจักรโรมันที่มีอายุกว่า 3,000 ปี ตั้งอยู่บนชายฝั่งดัลเมเชียน ที่สวยงาม และเป็นเมืองที่ผสมผสานประวัติศาสตร์โบราณเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว มรดกอันยาวนานของซาดาร์ได้ปรากฏชัดเจนผ่านซากปรักหักพังของอาณาจักรโรมันและยุคกลาง ซึ่งถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงมหาวิหารซาดาร์ (Zadar Cathedral) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์แก้วโบราณที่จัดแสดงคอลเล็กชั่นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าประทับใจในสมัยโรมัน นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้วซาดาร์ยังขึ้นชื่อในด้านความงามทางธรรมชาติ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและประสบการณ์ที่หลากหลาย ซาดาร์จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยี่ยมชมสำหรับทุกคนที่สนใจประวัติศาสตร์และธรรมชาติของโครเอเชีย

    โรวินจ์ (Rovinj) เมืองเก่าแก่ที่มีชายหาดและแนวชายฝั่งที่สวยงาม เจ้าของฉายา “เวนิสแห่งโครเอเชีย” เมืองริมทะเลแห่งนี้เหมาะมากสำหรับการเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวในช่วงฤดูร้อน ด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมเก่าแก่ของเมืองท่าที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ทำให้โรวินจ์มีกลิ่นอายของความเป็นเวนิสที่สวยงาม และมีชายหาดมากมายให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลิน รวมถึงการเดินป่า ดำน้ำ ลิ้มรสอาหารพื้นเมืองกับไวน์คุณภาพดี การผสมผสานระหว่างความงามทางธรรมชาติและเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์นี่ล่ะ ทำให้โรวินจ์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนที่ผ่อนคลายริมชายหาด

    ฮวาร์ (Hvar) เมืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเกาะฮวาร์ มีชื่อเสียงในด้านความงามตามธรรมชาติและสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวา คุณสามารถเดินเล่นริมท่าเรือ ชายหาด และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามของเมืองฮวาร์ รวมถึงจัตุรัสเซนต์สตีเฟน (St. Stephens Square) ป้อมปราการฟอร์ติกา (Fortica Fortress) และมหาวิหารฮวาร์ (Hvar Cathedral) นอกจากนี้ หมู่เกาะ Pakleni ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งฮวาร์ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งมากมายให้เลือกสนุกได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เดินป่า ว่ายน้ำ ดำน้ำ และพายเรือคายัค โดยเฉพาะฮวาร์ยามค่ำคืนที่มีคลับและบาร์หลายแห่งช่วยให้นักเดินทางได้ผ่อนคลาย

    ปูลา (Pula) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอิสเตรียของโครเอเชีย ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาณาจักรโรมัน โดยมีซากปรักหักพังและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายกระจายอยู่ทั่วเมือง รวมถึง Pula Arena อัฒจันทร์โรมันที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโคลอสเซียม (Colosseum) ในกรุงโรม และถือเป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ที่สร้างในสมัยโรมัน และวิหารแห่งออกัสตัส (Temple of Augustus) วิหารยุคโรมันที่อุทิศให้กับจักรพรรดิโรมันองค์แรก ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความงามตามธรรมชาติ ปูลาจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนรักประวัติศาสตร์และความสวยงามของท้องทะเล

    ซาเกร็บ (Zagreb) เมืองหลวงของโครเอเชียและเจ้าของฉายาตลาดคริสต์มาสที่ดีที่สุดในยุโรป คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเก่า ๆ ของยุคกลาง และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย นั่งรถราง Funicular ชมวิวที่เชื่อมต่อระหว่าง Upper Town และ Lower Town เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1893 และมีความยาวเพียง 66 เมตรเท่านั้น ถือเป็นรถรางสายที่สั้นที่สุดในโลก จากรถรางคุณสามารถเดินเท้าไปยังโบสถ์เซนต์มาร์ค (St. Mark’s Church) โบสถ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 มีจุดเด่นอยู่บริเวณหลังคาโบสถ์ที่ทำจากกระเบื้องโมเสกตกแต่งเป็นลวดลายตราประจำเมืองซาเกร็บ (ปราทสาทสีขาวบนพื้นแดง) ตราสัญลักษณ์ของโครเอเชีย-สโลวีเนีย-ดัลมาเชียน และประตูเมืองเก่า Gradec ที่ตำนานเล่าว่า เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 17 แต่ภาพของพระแม่มารีไม่ถูกไฟไหม้ ชาวเมืองจึงเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่มารีและมาสวดอ้อนวอนต่อพระองค์เป็นประจำ

    อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) เจ้าของฉายาสวรรค์บนดินและเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สุดของโครเอเชีย อุทยานแห่งนี้มีทะเลสาบสีมรกตและน้ำตกที่เชื่อมถึงกันได้อย่างสวยงาม ล้อมรอบด้วยป่าไม้เขียวชอุ่มและทุ่งหญ้า ด้วยภูมิประเทศแบบคาสต์ (Karst Topography) ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากการกัดกร่อนหินปูนของน้ำใต้ดิน ช่วยเพิ่มความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของอุทยาน และนักวิทยาศาสตร์ก็รู้สึกทึ่งกับกระบวนการทางธรณีวิทยาและอุทกวิทยา ที่สร้างความมหัศจรรย์ทางธรรมชาตินี้ขึ้นมา นักเดินป่าและคนที่รักธรรมชาติสามารถสำรวจเส้นทางต่าง ๆ ของอุทยานและชมสัตว์ป่านานาชนิดได้ ไม่ว่าคุณต้องการจะเดินป่า ว่ายน้ำ หรือชื่นชมความงามของธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ก็เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนในโครเอเชีย

    อุทยานแห่งชาติครึกคา (Krka National Park) อีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่จัดแสดงความงามของภูมิทัศน์ของโครเอเชีย อุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของน้ำตก สระมรกตที่สวยงามหลายแห่ง รวมถึงช่องเขาหินปูนที่ปกคลุมไปด้วยต้นสนเขียวชอุ่ม คุณสามารถเดินป่าไปตามเส้นทางต่าง ๆ ของอุทยาน ชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงาม พายเรือคายัค และชมสัตว์พื้นเมืองหายาก ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง และคนที่หลงใหลการเดินป่า

    อุทยานแห่งชาติ Paklenica (Paklenica National Park) สำหรับคนชอบเดินป่า ปีนผา และคนรักธรรมชาติ ไม่มีที่ไหนในโครเอเชียจะน่าตื่นตาตื่นใจเท่าอุทยานแห่งนี้อีกแล้ว คุณสามารถสำรวจถ้ำ น้ำตก และช่องเขาหลายแห่งที่ซ่อนตัวอยู่ในอุทยานได้ตลอดหนึ่งวันเต็ม ๆ พร้อมกับชื่นชมความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์และสัตว์ป่านานาชนิด ด้วยความงามทางธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย ทำให้อุทยานแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวนักสำรวจธรรมชาติ รับรองว่า การเดินทางมาเยี่ยมชมอุทยานแห่งนี้ของโครเอเชียจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับคุณ

เที่ยวโครเอเชีย เดือนไหนดี?

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และเดือนกันยายน-ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดีและแสงแดดอุ่นสบาย โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนเหมาะสำหรับการว่ายน้ำและอาบแดด ส่วนฤดูร้อนในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมจัดเป็นช่วงไฮซีซั่นที่อากาศร้อนจัด ยิ่งช่วงบ่ายเป็นเวลาพักผ่อนยอดนิยมของคนท้องถิ่น ผู้คนจะหนาแน่นเป็นพิเศษ

    ส่วนเดือนตุลาคม-มีนาคม ชายฝั่งทะเลจะเงียบสงบเป็นอย่างมาก โรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งอาจปิดให้บริการ อย่างไรก็ดี หากคุณต้องการเที่ยวโครเอเชียในฤดูหนาวก็เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมประวัติศาสตร์ อย่างดูบรอฟนิก สปลิท และซาดาร์ ส่วนเดือนที่มีฝนตกมากที่สุดคือเดือนสิงหาคม และเดือนที่หนาวเย็นที่สุดคือเดือนธันวาคมของทุกปี หากคุณแพลนจะไปเที่ยวทะเลแล้วล่ะก็ แนะนำให้หลีกเลี่ยงฤดูฝนและฤดูหนาวจะดีกว่าเพราะคุณอาจจะเจอมรสุม อากาศหนาวเย็น หรือหิมะตกหนักได้

วางแผนการเดินทางในโครเอเชีย

    เครือข่ายรถบัสของโครเอเชียเชื่อมต่อเกือบทุกสถานที่ และเป็นตัวเลือกราคาประหยัดสำหรับนักเดินทาง ถ้าคุณต้องการไปเที่ยวริมทะเลก็สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ไปยังหมู่เกาะต่าง ๆ ได้ ข้อควรระวังคือ เดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นช่วงเวลาที่รถขนส่งสาธารณะจะแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น ดังนั้น หากคุณต้องการจะเดินทางด้วยรถบัส รถไฟ หรือเรือเฟอร์รี่ ควรจะวางแผนการเดินทางให้รอบคอบมากขึ้น ยิ่งถ้าไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอรถติดโดยเฉพาะเมืองตากอากาศริมทะเล อีกหนึ่งการเดินทางยอดนิยมตามหมู่เกาะต่าง ๆ คือการขี่จักรยานชมเมือง

** Tips: คุณสามารถเช่าจักรยานของ Nextbike ที่เปิดให้บริการในหลายเมือง โดยเฉพาะเมืองซาเกร็บที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับจักรยาน และควรหลีกเลี่ยงถนนหลวงที่มีรถพลุกพล่าน เพราะอาจเกิดอันตรายได้

          แพลนทริปเที่ยวโครเอเชียให้พร้อม แล้วต้องไม่ลืมคำนึงถึงความปลอดภัยและเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในต่างแดน ไม่ว่าจะเครื่องบินดีเลย์ เจ็บป่วย กระเป๋าหาย ฯลฯ แนะนำให้ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศของชับบ์ (Chubb Travel Insurance) ผู้ช่วยที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณอุ่นใจในต่างแดน สอบถามข้อมูลการคุ้มครองประกันภัยได้ที่โทร. 0-2611-4242