
แจกพิกัด 12 ที่เที่ยวลอนดอนยอดนิยม เที่ยวฉ่ำเช้าจรดค่ำ

ใครที่มีแพลนเที่ยวลอนดอน เมืองหลวงของประเทศอังกฤษ ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยเสน่ห์อันหลากหลาย ผสมผสานกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,000 ปีเข้ากับความทันสมัยของเมืองได้อย่างลงตัว รุ่มรวยด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในยุคอาณานิคมโรมันโบราณ ที่ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นเมืองหลวงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ทั้งยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น หอนาฬิกาบิ๊กเบน พระราชวังบักกิงแฮม มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ฯลฯ
ชับบ์ มัดรวม 12 พิกัดที่เที่ยวลอนดอนยอดนิยมที่ครองใจนักเดินทางทั่วโลก ให้คุณเที่ยวสบายแบบไม่ง้อทัวร์ แต่ก่อนอื่นคุณต้องเตรียมประกันภัยการเดินทางต่างประเทศของชับบ์ (Chubb Travel Insurance) ไปด้วยจะได้เที่ยวอุ่นใจไปด้วยกัน พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
1. London Eye

เจ้าของฉายา “ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในยุโรป” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ที่สวยงาม ชิงช้ามาพร้อมความสูงถึง 135 เมตร (443 ฟุต) London Eye มีชื่อเดิมว่า “Millennium Wheel” สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก้าวสู่สหัสวรรษใหม่ในปี 2000 ผลงานการออกแบบโดย David Marks และ Julia Barfield ใช้เวลาก่อสร้างราว 2 ปี ก่อนจะเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ.1999 และได้รับการจดบันทึกว่าเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก ก่อนที่อีก 6 ปีต่อมา ชิงช้าสวรรค์ “The Star of Nanchang” ในประเทศจีน จะโค่นสถิติลงด้วยความสูง 160 เมตร และ Singapore Flyer ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยความสูง 165 เมตร แต่ทว่า London Eye ก็ยังคงเป็น "ชิงช้าสวรรค์ที่สร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลก"
ปัจจุบัน London Eye เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในลอนดอน มีผู้เข้าชมกว่า 3 ล้านคนต่อปี ที่รอต่อคิวรอชมความสวยงามของกรุงลอนดอนบนชิงช้าสวรรค์ ถือเป็นการเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของลอนดอนในแบบพาโนรามาภายในเวลาประมาณ 30 นาทีต่อรอบ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กเบน (Big Ben) พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) วิวแม่น้ำเทมส์ (The River Thames) ฯลฯ อีกทั้ง London Eye ยังเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษเลยล่ะ
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/M8Dx37BWpAaAdd9P6
- เวลาทำการ: 10.00 น. - 20.30 น. (วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม - ตุลาคม)
- 10.00 น. - 18.00 น. (วันสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ ยกเว้นวันคริสต์มาส)
- ราคาตั๋ว: ผู้ใหญ่ 30 ปอนด์ เด็ก (5-15 ปี) 25 ปอนด์
- เว็บไซต์: https://www.londoneye.com/
2. Tower of London

ชื่อเสียงของ “หอคอยแห่งลอนดอน” (Tower of London) สถานที่สำคัญที่สุดทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษ มักจะได้รับการกล่าวขานถึงความลี้ลับและตำนานเรื่องเล่าต่าง ๆ อย่างวิญญาณเจ้าชายที่หอคอยเลือด (Bloddy Tower) หรือวิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn) หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1078 โดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ (King William I of England) เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการปกป้องเมืองจากผู้รุกราน ต่อมาใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ คลังเก็บสมบัติ สถานที่ประหารชีวิต และคุกสำหรับนักโทษทางการเมืองคนสำคัญอย่าง แอนน์ โบลีน, เลดี้เจน เกรย์ (Lady Jane Grey)
หอคอยแห่งลอนดอนมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อย่างมาก ภายในมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เช่น หอขาว (White Tower) พระราชวังหลวง (Royal Palace) มงกุฎเพชร (The Crown Jewels) สถานที่เก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของกษัตริย์อังกฤษ และ ทาวเวอร์กรีน (Tower Green) ลานประหารชีวิตพระราชินีแอนน์ โบลีน และเซอร์โทมัส มอร์ (Thomas More) แล้วยังเป็นสถานที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่าของอังกฤษอย่าง มงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด (St Edward's Crown) มงกุฎสมเด็จพระราชินี (Imperial State Crown) ที่ทำจากทองคำและประดับด้วยเพชรพลอยกว่า 3,000 เม็ด และโคอินัวร์ (Koh-i-Noor diamond) เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลกที่ประดับอยู่บนมงกุฎของสมเด็จพระราชินี พร้อมสมบัติล้ำค่าที่ทำให้หลายคนอยากมาชื่นชมด้วยตาตัวเองสักครั้ง
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/xKw1ozpPKJXgxLvS6
- เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันที่ 24 และ 25 ธันวาคม
- เวลาเปิดทำการ: 10.00 น. - 16.30 น. (ปิดเวลา 17.00 น. ในช่วงฤดูร้อน)
- สามารถซื้อบัตรเข้าชมสถานที่ได้ที่หน้าประตูทางเข้า หรือทางออนไลน์ที่ https://www.hrp.org.uk/tickets-across-all-the-palaces/
3. Buckingham Palace

กล่าวกันว่า ใครไปเที่ยวลอนดอนแล้วไม่ได้เห็นพิธีเปลี่ยนเวรยามทหารรักษาพระองค์ (Changing of the Guards) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อาจต้องกลับไปเที่ยวลอนดอนใหม่อีกครั้ง เพราะที่พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ และศูนย์กลางการบริหารงานของสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร พระราชวังแห่งนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันโดดเด่นของกรุงลอนดอน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาสัมผัสกับบรรยากาศอันหรูหรา สง่างาม และเรียนรู้ประวัติศาสตร์อันยาวนานของราชวงศ์อังกฤษ
พระราชวังบักกิงแฮมมีประวัติย้อนหลังไปกว่า 350 ปี เดิมเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1665 ต่อมาได้ถูกซื้อโดยพระเจ้าจอร์จที่ 3 (King George III) ในปี ค.ศ. 1766 และได้รับการปรับปรุงจนกลายเป็นพระราชวังอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1782 ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีพระราชวังบักกิงแฮมถือเป็นสักขีพยานในการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์มากมาย เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของราชวงศ์ เช่น พิธีราชาภิเษก พระราชพิธี และงานเลี้ยงต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง โดยในช่วงฤดูร้อนบางส่วนของพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม เช่น ห้องบอลรูม ห้องรับรอง และห้องสมุดอีกด้วย
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/HWymCTR2gXfzUkoF7
- เปิดให้บริการทุกวัน
- พิธีเปลี่ยนเวรยามทหาร:
- ฤดูร้อน (เมษายน - พฤษภาคม และ กรกฎาคม - กันยายน): พิธีเปลี่ยนเวรยามใหญ่: ทุกวัน เวลา 11.00 น. เริ่มจากหน้าพระราชวังบักกิงแฮม ขบวนทหารเดินขบวนไปยังม้าการ์ดส์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
- พิธีเปลี่ยนเวรยามยามบ่าย: ทุกวัน เวลา 14.15 น. เริ่มจากม้าการ์ดส์ ขบวนทหารเดินขบวนไปยังพระราชวังบักกิงแฮม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- ฤดูหนาว (ตุลาคม - มีนาคม)
- พิธีเปลี่ยนเวรยามใหญ่: ทุกวัน เวลา 11.30 น. เริ่มจากหน้าพระราชวังบักกิง แฮม ขบวนทหารเดินขบวนไปยังม้าการ์ดส์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
- พิธีเปลี่ยนเวรยามยามบ่าย: ทุกวัน เวลา 15.00 น. เริ่มจากม้าการ์ดส์ ขบวนทหารเดินขบวนไปยังพระราชวังบักกิงแฮม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- เว็บไซต์: https://www.royal.uk/inside-the-royal-household
4. Natural History Museum

เจาะลึกประวัติศาสตร์โลกผ่านกว่า 20 แกลเลอรีที่จัดแสดงใน Natural History Museum พิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่เก็บรวบรวมสมบัติล้ำค่าจากธรรมชาติ ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ทั้งพืชพันธุ์ สัตว์ โบราณวัตถุ จนถึงอุกกาบาตจากห้วงอวกาศกว่า 80 ล้านชิ้นที่มีอายุเก่าแก่กว่า 4.5 พันล้านปี จัดแสดงภายในอาคารขนาดใหญ่ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมวิกตอเรียนอันยิ่งใหญ่ ทำให้พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในเซาท์เคนซิงตัน เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองและสถานที่ที่น่าไปเยี่ยมชมที่สุดแห่งหนึ่งของลอนดอน
ภาพโครงกระดูกปลาวาฬสีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่ชื่อ “Hope” ใน Hintze Hall และโครงกระดูกไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงไฮไลท์อย่าง ทีเร็กซ์ (T-Rex) และไทรเซอราทอปส์ (Triceratops) ที่จัดแสดงอยู่ภายใน Dinosaur Gallery ทำให้ Natural History Museum กลายเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของโลก ที่ใครมาเยือนลอนดอนแล้วไม่ควรพลาด แวะมาติวเข้มชั่วโมงประวัติศาสตร์ธรรมชาติโลกในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/bb5EHUb5ikwVXY7z8
- เวลาเปิดทำการ: 10.00 น. - 17.50 น. ทุกวัน (ปิดวันที่ 24-26 ธันวาคมของทุกปี)
- ค่าเข้าชม: ฟรี (มีค่าธรรมเนียมสำหรับบางนิทรรศการที่จัดแสดงเป็นพิเศษ)
- เว็บไซต์: https://www.nhm.ac.uk/
5. Big Ben

รู้ไหมว่า “บิ๊กเบน” (Big Ben) ไม่ใช่ชื่อหอนาฬิกาสีทองขนาดมหึมาที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่มันเป็นชื่อของระฆังขนาดใหญ่หนัก 13.5 ตัน ที่แขวนอยู่เหนือหน้าปัดนาฬิกาบนหอคอยเซนต์สตีเฟน (St. Stephen's Cathedral) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาสหราชอาณาจักรในกรุงลอนดอน ว่าแต่ทำไมผู้คนถึงเรียกหอนาฬิกาแห่งนี้ว่าบิ๊กเบนกันล่ะ? นั่นเพราะเซอร์เบนจามิน ฮอลล์ (Sir Benjamin Hall) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างหอคอยในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็น First Commissioner of Works (ผู้บัญชาการงานก่อสร้างคนแรก) มีร่างกายสูงใหญ่ ผู้คนจึงเรียกขานระฆังใบใหญ่ว่า "Big Ben" ตามชื่อเล่นของท่านเซอร์นั่นเอง
ระฆังใบใหม่หรือ บิ๊กเบน ถูกหล่อขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1857 แต่ระฆังใบแรกมีรอยร้าวจึงหล่อระฆังใบใหม่ขึ้นในอีกหนึ่งปีต่อมา กระทั่งหอคอยเซนต์สตีเฟนได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดของเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะใหม่ก่อนจะเปิดตัวในปี ค.ศ. 1943 และทำหน้าที่มาจนถึงปี ค.ศ. 2016 จึงได้รับการบูรณะบิ๊กเบนอีกครั้งกินเวลานานถึง 4 ปี ก่อนจะอวดโฉมสวยงามในปี ค.ศ. 2020 และเสียงระฆังก็ดังกังวานขึ้นอีกครั้งมาจนถึงปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่มาถึงลอนดอนแล้วต้องหามุมเก๋ ๆ บนสะพานเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Bridge) เพื่อถ่ายรูปคู่กับหอนาฬิกาจะออกมาปังสุด
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/wPSf9s496n9xjqbw8
- ค่าเข้าชม: ฟรี
6. Westminster Abbey

เพียงไม่กี่นาทีจากหอนาฬิกาบิ๊กเบน คุณก็จะพบกับมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey) มหาวิหารศิลปะกอธิกขนาดใหญ่ใจกลางกรุงลอนดอน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Palace of Westminster) มหาวิหารแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี เป็นทั้งสถานที่สำคัญทางศาสนา สถานที่จัดพระราชพิธีราชาภิเษก รวมถึงสถานที่ฝังพระบรมศพของกษัตริย์อังกฤษและพระบรมวงศานุวงศ์กว่า 30 พระองค์ และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี ค.ศ. 1982
แต่ก่อนจะเป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม เดิมเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างโดยนักบุญเบเนดิกติน (Benedictine) ในปี ค.ศ. 960 เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา กระทั่งพระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 (Henry III of England) ได้สร้างโบสถ์เวสต์มินสเตอร์สไตล์กอธิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้นครอบโบสถ์อันเดิมไว้ เพื่ออุทิศแก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้สารภาพบาป (Edward the Confessor) และใช้เป็นสถานที่ฝังพระบรมศพของพระองค์เอง
นอกจากนี้ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ยังเป็นสถานที่อภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 กับแอนน์ โบลีน, พระราชินีแมรี่ที่ 1 กับพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน รวมถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระราชินีอลิซาเบธที่ 1 ทรงประกาศสุนทรพจน์ปลุกใจเสนาธิการก่อนการรุกรานของกองทัพเรือสเปน พิธีราชาภิเษกและพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี ค.ศ. 2023 อีกด้วย บอกเลยสถาปัตยกรรมข้างในงดงามมาก
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/EEGUhJXsjD4a2Kcm9
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันที่ 24-26 ธันวาคมของทุกปี)
- เวลาเปิดทำการ: 09:30 น. - 15:30 น. (ผู้เข้าชมคนสุดท้ายต้องเข้าชมก่อน 14:30 น.)
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 23 ปอนด์ เด็กอายุ 6-16 ปี 11.5 ปอนด์
- ตรวจสอบเวลาเปิดทำการล่าสุด รวมถึงเวลาเข้าชมพิเศษ ได้ที่เว็บไซต์ทางการ: https://tickets.westminster-abbey.org/
7. Warner Bros. Studio Tour London

ท่องไปในโลกแห่งเวทมนตร์และสนุกกับการสวมบทบาทสมาชิกของบ้านต่าง ๆ ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ทั้ง กริฟฟินดอร์ (Gryffindor) บ้านแห่งความกล้าหาญ, ฮัฟเฟิลพัฟ (Hufflepuff) บ้านแห่งความซื่อสัตย์, เรเวนคลอ (Ravenclaw) บ้านแห่งปัญญา และ สลิธีริน (Slytherin) บ้านแห่งความทะเยอทะยาน แค่นั่งรถไฟจากลอนดอนประมาณ 1 ชั่วโมง คุณก็จะได้ทัวร์สตูดิโอวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ลอนดอน: เดอะเมคกิ้ง ออฟ แฮร์รี่ พอตเตอร์ (The Warner Bros. Studio Tour: The Making of Harry Potter) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับแฟน ๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ทั่วโลก และต่อให้คุณไม่ใช่แฟนคลับของแฮร์รี่ คุณก็เอนจอยกับสตูดิโอแห่งนี้ได้นานหลายชั่วโมง
Warner Bros. Studio จะพาคุณขึ้นรถไฟสายฮอกวอตส์เอ็กซ์เพรส (Hogwarts Express) ดีไซน์วินเทจที่ชานชาลา 9 3/4 เพื่อไปสัมผัสกับโลกแห่งเวทมนตร์ที่คุ้นเคยในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เสมือนหลุดเข้าไปในหนังจริง ๆ ท่ามกลางฉากสุดอลังการ เครื่องแต่งกาย การตกแต่ง และเทคนิคการสร้างสัตว์พิเศษในภาพยนตร์ เช่น นกฮูกเฮดวิก โดบี้ และมังกร เดินช้อปไม้เท้าวิเศษและเครื่องแบบนักเรียนในตรอกไดแอกอน แวะดื่มบัตเตอร์เบียร์ยอดนิยมของเหล่าพ่อมดแม่มดที่ร้าน Hog's Head Pub แล้วคุณยังจะได้เรียนรู้กระบวนการสร้างภาพยนตร์ หรือสัมผัสกับผู้คนที่ทำงานในวงการภาพยนตร์อีกด้วย
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/4RUBzRZtfRFNg5zCA
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันที่ 24-26 ธันวาคมของทุกปี)
- เวลาเปิดทำการ: 10.00 น. - 17.00 น.
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 47 ปอนด์ เด็ก (5-14 ปี) 38 ปอนด์ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เข้าฟรี
- เว็บไซต์: https://www.wbstudiotour.co.uk/
8. British Museum

“พิพิธภัณฑ์อังกฤษ” หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และธรรมชาติของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดในโลก มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของอังกฤษและอันดับ 2 ของโลก เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1753 เพื่อจัดแสดงของสะสมสุดหวงของเซอร์ ฮานส์ สโลน (Sir Hans Sloane) แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ก่อนจะเปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1759 ซึ่งต่อมาท่านเซอร์ก็ได้มอบของสะสมทั้งหมดให้แก่พระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่ (George II of Great Britain) ซึ่งคอลเล็กชันต่าง ๆ ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการขุดค้นพบ การบริจาค การรวบรวม จนถึงการล่าอาณานิคมของอังกฤษ พิพิธภัณฑ์ก็เริ่มขยายพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับห้องจัดแสดงกว่า 100 ห้อง และมีของสะสมในความครอบครองของพิพิธภัณฑ์ถึงกว่า 8 ล้านชิ้น และนำมาจัดแสดงราว 50,000 กว่าชิ้น
นิทรรศการที่โด่งดังที่สุดภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้แก่ ห้องหินโรเซตต้า (Rosetta Stone) หินสลักโบราณที่แกะสลักข้อความภาษาอียิปต์โบราณ ภาษาเดโมติก และภาษากรีก ปาร์เธนอน (The Parthenon) ซากปรักหักพังของวิหารกรีกโบราณที่อุทิศให้กับเทพีเอเธนา และเป็นหนึ่งในอาคารที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมตะวันตก ห้องมัมมี่ (Mummy) คอลเล็กชันมัมมี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงสิ่งของล้ำค่าอย่าง เพชรโฮป (The Hope Diamond) เพชรสีฟ้าขนาด 45.52 กะรัต หนึ่งในเพชรที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยความยิ่งใหญ่และของล้ำค่ามากมายภายใน British Museum คุณก็สามารถใช้เวลาหนึ่งวันเดินทัวร์ให้ทั่วทั้งพิพิธภัณฑ์ได้เลย
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/WUVEbWTPXwPvCZDm7
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันที่ 24-26 ธันวาคมของทุกปี)
- เวลาเปิดทำการ: 10.00 น. - 17.00 น. (ผู้เข้าชมคนสุดท้ายต้องเข้าชมก่อน 16:30 น.)
- เว็บไซต์ : https://www.britishmuseum.org/
9. Borough Market

เดินเที่ยวจนเหนื่อยก็ถึงเวลาเตรียมพร้อมก่อนตะลุยลอนดอนกันต่อ ไม่มีที่ไหนจะให้คุณอิ่มท้องและตื่นตาตื่นใจได้ดีเท่ากับอาหารหลากหลายนานาชาติที่ตลาดโบโรห์ (Borough Market) อีกแล้ว ตลาดเก่าแก่ที่สุดในลอนดอนแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1014 ตั้งแต่ยุคสมัยที่โรมันยังปกครองอังกฤษอยู่ อดีตตลาดแห่งนี้เป็นสถานที่ค้าขายพืชผลทางการเกษตร สัตว์ และอาหารสดมากมาย จวบจนปัจจุบันตลาดโบโรห์มีทั้งอาหารสด ชีส เบเกอรี และสตรีทฟูดชื่อดังให้เลือกสรร จนหลายคนเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกชิมร้านไหนก่อนดี เพราะที่นี่มีแต่ของน่ากินเต็มไปหมด
มาถึงตลาดโบโรห์แล้วต้องไม่พลาด ร้านอาหารทะเลสด ๆ หอยนางรมตัวใหญ่ ไส้กรอกเยอรมัน ข้าวผัดสเปนปาเอญ่า (Spanish Paella) ไข่สก็อตติช (Scotch Egg) แวะชิมชีสเจ้าดังที่ร้าน Neal’s Yard Dairy พาสต้าเส้นทำเองที่ร้าน Padella หรือฟินกับอาหารสเปนสูตรต้นรับที่ร้าน Brindisa และนั่งชิลกับกลิ่นกาแฟคั่วสดหอมฟุ้งที่ร้าน Monmouth Coffee นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีของฝากจากอังกฤษติดมือกลับบ้านให้เลือกชอปอีกมากมาย
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/CVsRURmJzzbevsK4A
- เปิดทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)
- เวลาเปิดทำการ: 10.00 น. - 17.00 น.
- เว็บไซต์: https://boroughmarket.org.uk/visit-us/
10. Covent Garden

อิ่มท้องแล้วก็ไปเดินเที่ยวกันต่อในย่านสุดฮิปของลอนดอนที่โคเวนท์การ์เด้น (Covent Garden) ซึ่งเป็นย่านโปรดของชาวลอนดอน ที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านค้าเก๋ ๆ คาเฟ่สวย ๆ ร้านอาหาร ตรอกนีลส์ยาร์ดที่มีสินค้าและอาหารออร์แกนิกให้เลือกชอป โรงละครรอยัลโอเปร่าเฮ้าส์ (Royal Opera House) และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หากคุณมีเวลามากพอจะเข้าชมนิทรรศการที่ London Transport Museum ชอปปิงสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกในตลาดเก่าแก่อายุกว่า 350 ปี ถ่ายรูปกับโบสถ์เซนต์พอล (St. Paul's Church) โบสถ์เก่าแก่ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบาโรก และชมการแสดงแบบสตรีตของหนุ่มสาวชาวลอนดอน
ย่านสุดฮิปแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 13 พื้นที่แห่งนี้เป็นที่ดินของอารามเวสต์มินสเตอร์ ใช้เป็นสวนผัก สวนผลไม้ และทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1670 กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 (King Charles II) ได้มอบที่ดินแห่งนี้ให้กับเคาน์เตสแห่งโคเวนทรี (Countess of Coventry) ท่านได้พัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็นสวนสาธารณะ ตลาด และที่พักอาศัยที่เรียกว่า "สวนโคเวนท์" กระทั่งศตวรรษที่ 17 และ 18 ย่านโคเวนท์การ์เด้นได้กลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและความบันเทิง มีโรงละคร ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้ามากมาย และผ่านเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 19 ก่อนจะมีการบูรณะฟื้นฟูย่านโคเวนท์การ์เด้นในศตวรรษที่ 20 จนกลายเป็นย่านชอปปิงและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/QKZTVe7dnwvLk86x9
- ร้านค้า: โดยทั่วไปเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.
- ร้านอาหาร: โดยทั่วไปเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 - 23.00 น.
- เว็บไซต์: https://www.coventgarden.london/
11. Tower Bridge

ช่วงบ่ายแก่ ๆ ที่อากาศเย็นสบาย คุณต้องไม่พลาดการไปเช็กอินชมวิวสวย ๆ บนสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ที่ Tower Bridge สะพานที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียโทนสีฟ้าขาว ตัวสะพานยกเปิดได้เพื่อให้เรือที่มีขนาดใหญ่แล่นผ่าน จัดเป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอนมาตั้งแต่การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1894
แนวคิดในการสร้าง Tower Bridge มาจากการสร้างแทนที่สะพานลอนดอนเก่า ที่ไม่สามารถรองรับการจราจรที่หนาแน่นมากขึ้น กรุงลอนดอนจึงจัดให้มีการประกวดออกแบบสะพานแห่งใหม่ และชัยชนะตกเป็นของสถาปนิก ฮอเรซ โจนส์ (Horace Jones) และวิศวกรโยธา จอห์น วูล์ฟ แบร์รี (John Wolfe Barry) ร่วมกับเฮนรี มาร์ค บรูเนล (Henry Marc Brunel) การก่อสร้างสะพานกินเวลานานถึง 8 ปี (ค.ศ.1886-1894) ใช้งบประมาณในการสร้างมหาศาลกว่า 1 ล้านปอนด์ และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น
หากการชมวิวแม่น้ำยังไม่จุใจ คุณสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge Museum) และชมวิวลอนดอนแบบพาโนรามาบนยอดหอคอยคู่ พร้อมท้าทายความสูงและหวาดเสียวไปกับการเดินบนสะพานกระจกใสที่มองเห็นแม่น้ำและรถที่กำลังเคลื่อนผ่านบนสะพาน เรียนรู้ประวัติศาสตร์การก่อสร้าง เหตุการณ์สำคัญของสะพานแห่งนี้ในหน้าประวัติศาสตร์ รวมถึงสนุกกับการแต่งตัวเป็นอัศวินและฉากจำลองในยุคกลางได้ด้วย
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/LjFsuvU7iSY6GHtS9
- เปิดให้บริการ: ทุกวัน (ยกเว้นวันที่ 24-26 ธันวาคมของทุกปี)
- เวลาเปิดปิด: 10.00 น. - 17.30 น. (ปิดให้เข้าชม 17.00 น.)
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่: 22.50 ปอนด์ I เด็ก (5-15 ปี) 11.50 ปอนด์ I ผู้สูงอายุ (65+ ปี) 20.50 ปอนด์ และครอบครัว (ผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 2 คน) 56.00 ปอนด์
- เว็บไซต์: https://www.towerbridge.org.uk/
12. Oxford Street

ปิดท้ายยามค่ำคืนกันที่อ็อกฟอร์ด สตรีต (Oxford Street) ที่ที่คุณจะเพลินกับการชอปปิงและหาของกินอร่อย ๆ บนถนนชอปปิงที่โด่งดังที่สุดในโลกใจกลางลอนดอนที่ทอดตัวยาวกว่า 2.4 กิโลเมตร เต็มไปด้วยร้านค้าชั้นนำกว่า 300 ร้าน รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และร้านอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง Selfridges, John Lewis, Primark, Mark & Spencer และ Debenhams ร้านแฟชั่นไฮสตรีต ความงาม เทคโนโลยี สนีกเกอร์ สตรีตแฟชั่น ของแต่งบ้าน ฯลฯ
การเดินทางมายังแหล่งชอปปิงยอดนิยมแห่งนี้ก็แสนสะดวกสบาย เพราะมีรถไฟใต้ดินที่ใกล้แหล่งชอปปิงที่สุดถึง 3 สถานี ได้แก่ Oxford Circus, Marble Arch และ Bond Street ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 200 ล้านคนต่อปี ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งชอปปิงที่พลุกพล่านที่สุดในโลก โดยเฉพาะบ่ายวันอาทิตย์ที่จะมีนักท่องเที่ยวและชาวลอนดอนไปรวมตัวกันที่นี่จนหนาแน่น ไม่ว่าคุณจะมองหาเทรนด์แฟชั่นล่าสุด สินค้าหรู หรือดื่มด่ำกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา Oxford Street มอบประสบการณ์การชอปปิงที่ไม่มีใครเทียบได้ในใจกลางลอนดอน
- พิกัด: https://maps.app.goo.gl/91KKbYQaRbFE4UFb8
- เปิดให้บริการ: ทุกวัน
- เวลาเปิดปิด: ส่วนใหญ่ร้านค้าจะเปิดให้บริการ 10.00 น. - 20.00 น.
ลอนดอนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย แต่จะเที่ยวให้สนุกและอุ่นใจต้องมีผู้ช่วยมือหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยวหลายปีซ้อน ชับบ์ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ (Chubb Travel Insurance) ประกันคุณภาพที่พร้อมดูแลครอบคลุมทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะอุบัติเหตุ เจ็บป่วย ไฟลต์ดีเลย์ ทรัพย์สินสูญหาย เราพร้อมดูแลคุณด้วยสายด่วนฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 611 4242 หรือ www.chubbtravelinsurance.co.th/