12 ที่เที่ยวจอร์เจีย สวยงามฟิลยุโรป ในงบสบายกระเป๋า

gray-concrete-houses-on-green-grass-field

    ชับบ์ ชวนคุณเก็บกระเป๋าเดินบินลัดฟ้าประมาณ 8-9 ชั่วโมง เพื่อไปสัมผัสกับดินแดนเก่าแก่ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่มีอายุกว่า 3,000 ปี ‘จอร์เจีย’ (Georgia) ตั้งอยู่บนเส้นแบ่งเขตทวีปยุโรปตะวันออกและเอเชียตะวันตก ดินแดนที่รุ่มรวยด้วยธรรมชาติ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและเมืองมรดกโลกจาก UNESCO อดีตศูนย์กลางวัฒนธรรมและการค้าสำคัญบนเส้นทางสายไหม เราคัดสรร 12 ที่เที่ยวจอร์เจียห้ามพลาด โดยคนไทยสามารถเดินทางไปจอร์เจียโดยไม่ต้องขอวีซ่าและอยู่ได้สูงสุด 360 วัน ทั้งยังเป็นสถานที่เที่ยวสุดโปรดของคนรักธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้ง สำคัญที่สุดแนะนำให้ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศของชับบ์ (Chubb Travel Insurance) เพื่อความอุ่นใจ พร้อมแล้วก็มาติวเข้มเมืองน่าเที่ยวกันดีกว่า!

1. เมืองหลวงทบิลิซี (Tbilisi)

aerial-view-of-tbilisi

    ทบิลิชี เป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย และเมืองหลวงเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ทั้งสีสันของอาคารบ้านเรือนและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมของแต่ละยุคสมัยไว้อย่างดี รายล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่และวิวทะเลที่สวยงามราวภาพวาด หากมีโอกาสได้มาท่องเที่ยวเมืองทบิลิซีแล้วไม่ควรพลาดย่านเมืองเก่า, โบสถ์ Sameba, ป้อมปราการ Narikala, ถ่ายรูปมุมสวยของสะพานแห่งสันติภาพ (Bridge of Peace) และนั่งเคเบิลคาร์จากสวนไรค์ (Rike Park) ขึ้นไปชมวิวพาโนรามาบนป้อมปราการนาริกาลา (Narikala) รับรองว่า คุณจะตกหลุมรักเมืองหลวงเก่าแก่แห่งนี้จนหมดใจ

2. โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church)

gergeti-trinity-church-during-daytime

    หนึ่งในโบสถ์ที่สวยงามที่สุดในโลกตั้งอยู่บนยอดเขา Kazbegi ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 2,170 เมตร สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ในรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จีที่ 5 (King Giorgi V) แห่งจอร์เจีย ในช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูศาสนาและการรวมประเทศหลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของมองโกล ด้วยความงดงามของเทือกเขาคอเคซันอันตระการตาและแม่น้ำ Aragvi ที่ทอดตัวยาวอยู่เบื้องล่าง ทำให้โบสถ์เกอร์เกติได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO และได้รับการยกย่องให้เป็น "Historical Monuments of Mtskheta" เมื่อปี ค.ศ. 1994 โบสถ์แห่งนี้อยู่ห่างจากทบิลิซี ประมาณ 160 กิโลเมตร คุณสามารถเดินทางไปโดยรถยนต์ รถบัส หรือรถไฟ จากนั้นคุณสามารถเดินป่าขึ้นเขาเพื่อไปยังโบสถ์ (ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง) หรือนั่งรถม้าขึ้นไปก็ได้เช่นกัน

3. คาซเบกิ (Kazbegi)

gray-concrete-building-in-kazbegi

    เมืองคาซเบกิเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “สเตปันต์สมินดา” (Stepantsminda) ตั้งอยู่บนเทือกเขาคอเคซัสที่ความสูง 2,170 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้โด่งดังในเรื่องความงดงามของภูเขาคาซเบก (Mount Kazbek) ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของจอร์เจีย โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “Gergeti Trinity Church” โบสถ์เก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ที่มีทิวทัศน์แนวเทือกเขาคาซเบกิอันยิ่งใหญ่เป็นแบ็คกราวน์ รวมถึง “หมู่บ้านสเตปันต์สมินดา” (Stepantsminda) จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนรักธรรมชาติ การผจญภัย และคนที่อยากสัมผัสกับวัฒนธรรมจอร์เจียแบบดั้งเดิม และ “อุทยานแห่งชาติคาซเบกิ” (Kazbegi National Park) ผืนป่ากว้างใหญ่ของเทือกเขาคอเคซัส ที่มีพืชพรรณและสัตว์หลากหลายชนิด ท่ามกลางภูมิทัศน์อันน่าทึ่ง แล้วยังมีกิจกรรมกลางแจ้งท้าทายให้เลือก ๆ อย่างการปีนเขา เดินป่า และขี่ม้า

4. มิชเคห์ตา (Mtskheta)

church-with-clock-tower-in-mtskheta

    อดีตเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของจอร์เจีย และหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีผู้คนพักอาศัยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 จนถึงปัจจุบันที่มีประชากรราว 8,000 คน ในช่วงเวลาก่อนคริสตกาลมิชเคห์ตาเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโบราณแห่งไอบีเรีย (Ancient Kingdom of Iberia) นานเกือบหนึ่งพันปี อดีตเมืองหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นความสวยงามของแม่น้ำมตกวารี (Mtkvari River) ที่ทอดตัวยาวตาม บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำ Mtkvari และ Aragvi อยู่ห่างจากเมืองทบิลิซีเพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น

    มิชเคห์ตาเป็นเมืองมรดกโลกของ UNESCO ที่เต็มไปด้วยโบสถ์เก่าแก่และอารามโบราณมากมาย ด้วยภูมิประเทศที่สวยงามของบ้านเรือนที่ยังคงเสน่ห์ของยุคกลางไว้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงโบสถ์เก่าแก่ที่สวยงามและได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมถึง 3 แห่ง ได้แก่ Svetitskhoveli Cathedral โบสถ์คริสต์ออร์โธด็อกซ์แห่งศตวรรษที่ 11 ที่ใหญ่ที่สุดในจอร์เจีย เชื่อกันว่าเป็นที่ประดิษฐานเสื้อคลุมของพระเยซู, Samtavro Church and Monastery อารามเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์เจียสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 และเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์จอร์เจียหลายพระองค์ และ Mtskhetis Jvari อารามเก่าแก่แห่งศตวรรษที่ 6 ตั้งอยู่บนยอดเขาที่มองเห็นวิวเมืองมิชเคห์ตาได้อย่างสวยงาม

5. อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย (Russia–Georgia Friendship Monument)

Russia-georgia-friendship-monument

    ท่ามกลางอ้อมกอดของหุบเขา Jvari และหุบเขาปีศาจ (Devil’s Valley) แห่งเทือกเขาคอเคซัส มีจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์เจีย “อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Dariali Arch” อนุสาวรีย์หินคอนกรีตทรงกลมสูง 30 เมตร และกว้าง 40 เมตร โอบล้อมด้วยเสาหินที่โค้งเข้าหากันและประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกหลากสีสัน ที่ถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นิทานพื้นบ้าน และวิถีชีวิตของผู้คนชาวรัสเซียและจอร์เจีย

    อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนทางหลวงสายทหารระหว่างเมืองกูดาอูรี (Gudauri) กับเมืองคาซเบกิ (Kazbegi) ในประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันดีระหว่างสหภาพโซเวียตและจอร์เจีย เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปีของสนธิสัญญา Georgievsk
ซึ่งการเดินทางไปชมวิวสวย ๆ ของอนุสาวรีย์แห่งนี้ก็ไม่ยุ่งยาก เพราะคุณสามารถนั่งรถบัสจากเมืองทบิลิซี (Tbilisi) ไปยังเมืองคาซเบกิ (Kazbegi) โดยรถบัสจะจอดที่อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย หรือนั่งรถแท็กซี่จากเมืองทบิลิซี (Tbilisi) ไปยังอนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจียก็ได้เช่นกัน

6. หมู่บ้านจูทา (Juta Valley)

snowy-juta-valley-mountain-range

    หนึ่งในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ตั้งอยู่บนเทือกเขาคอเคซัส ห่างจากเมืองทบิลิซีประมาณ 200 กิโลเมตร ด้วยความงดงามของธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี เสน่ห์ของแม่น้ำ Jutistskali และแม่น้ำ Chaukhistskali ที่ทอดตัวยาวลัดเลาะตามหุบเขาเกิดเป็นภาพอันสวยงามราวสรวงสวรรค์ ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี และทุ่งดอกไม้ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ รวมถึงปกคลุมด้วยหิมะขาวสะอาดตาในฤดูหนาว ทำให้หมู่บ้านจูทาได้รับการยกย่องให้เป็นสวิสเซอร์แลนด์แห่งจอร์เจียเลยก็ว่าได้ แนะนำให้เช่ารถขับมาท่องเที่ยวที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ หรือสามารถเลือกใช้บริการทัวร์ท้องถิ่นจากเมืองทบิลิซีมาที่หมู่บ้านจูทาก็ได้เช่นกัน

7. หมู่บ้านมรดกโลกอุชกูลลิ (Ushguli)

overview-of-ushguli-village-on-rocky-mountain

    หมู่บ้านที่สูงที่สุดในยุโรปตั้งอยู่บนความสูง 2,200 เมตร (7,218 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล และมีประชากรอาศัยอยู่ราว 300 คน เลื่องชื่อด้วยหอคอยหินเก่าแก่หลายแห่งและโบสถ์เก่าแก่ ชาวเมืองอุซกูลลิยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยความสวยงามของเมืองบนยอดเขาแห่งนี้ ทำให้อุซกูลลิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี ค.ศ. 1996 หมู่บ้านแห่งนี้ยังเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรม Svaneti แบบดั้งเดิม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและวัฒนธรรม ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม Svaneti ที่ไม่เหมือนใคร และสัมผัสกับความงดงามของเทือกเขาคอเคซัส

8. สกีรีสอร์ทกูเดาริ (Gudauri Ski Resort)

Gudauri-ski-resort

    อีกหนึ่งเมืองสวยราวภาพวาดเจ้าของฉายา “สวิสเซอร์แลนด์แห่งจอร์เจีย” กูเดาริเป็นสกีรีสอร์ทบนเทือกเขา Greater Caucasus ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,200 เมตร และห่างจากทบิลิซีประมาณ 120 กิโลเมตร ขึ้นชื่อว่าสกีรีสอร์ทกูเดาริจึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงฤดูหนาวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งกินเวลายาวนานตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเมษายนของทุกปี ท่ามกลางภูมิประเทศที่หลากหลายเหมาะสำหรับนักเล่นสกีและสโนว์บอร์ดตั้งแต่ระดับ beginner จนถึงมืออาชีพ สกีรีสอร์ทแห่งนี้ยังมีทิวทัศน์อันสวยงามราวต้องมนต์ ให้คุณเพลิดเพลินกับวิวภูเขาหิมะ ฟินกับอาหารพื้นเมือง ไวน์ที่มีเสน่ห์ และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าสนใจ ส่วนหน้าร้อนก็สนุกกับการเดินป่าและปีนเขาได้อีกด้วย

9. ถ้ำอัพลิสซิเค (Uplistsikhe)

old-ancient-building-uplistsikhe

    อีกหนึ่งเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 แกะสลักจากหินภูเขาที่มีเอกลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมืองโบราณแห่งนี้เคยมีผู้คนอาศัยอยู่มากกว่า 20,000 คน โดดเด่นด้วยการผสมผสานเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมหินตัดรูปแบบต่าง ๆ จากอนาโตเลีย (Anatolia) และอิหร่าน รวมถึงสถาปัตยกรรมนอกรีตและคริสเตียนที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว สร้างขึ้นบนหน้าผาหินทรายที่มองเห็นวิวแม่น้ำ Mtkvari อันสวยงาม ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการค้าที่สำคัญของประเทศ รวมถึงเป็นที่ตั้งของโบสถ์ถ้ำ (Cave Church) อาราม พระราชวัง และชุมชนเก่าแก่ที่สุดในจอร์เจีย ถ้ำอัพลิสซิเคได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี ค.ศ. 1995 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์เจีย ที่คุณสามารถเดินชมความน่าทึ่งของสถาปัตยกรรมโบราณ และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน

    เมืองถ้ำโบราณทางตะวันตกเฉียงเหนือของจอร์เจีย อยู่ห่างจากเมืองทบิลิซีประมาณ 100 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยรถประจำทางจากทบิลิซีไปยังเมืองกอรี (Gori) จากนั้นคุณสามารถต่อรถแท็กซี่หรือมินิบัสไปยังถ้ำอัพลิสซิเคได้ นอกจากนี้ ยังมีบริษัททัวร์มากมายที่พร้อมจะพาคุณออกเดินทางจากเมืองทบิลิซีไปยังถ้ำอัพลิสซิเคได้อย่างสะดวกสบาย

10. บอร์โจมิ (Borjomi)

church-in-the-middle-of-snowy-forest-in-borjomi

    หากคุณหลงรักการน้ำพุร้อนหรือ “แช่ออนเซน” คุณต้องไม่พลาดเมืองตากอากาศเล็ก ๆ ที่รุ่มรวยด้วยน้ำพุน้ำแร่ร้อนจากธรรมชาติ บนยอดเขา Borjomi ภายในอุทยานแห่งชาติ Borjomi-Kharagauli ห่างจากทบิลิซีประมาณ 165 กิโลเมตร โดยน้ำแร่ Borjomi เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญของจอร์เจียและเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมทั่วประเทศ เชื่อกันว่าน้ำแร่ของบอร์โจมิมีสรรพคุณทางยาและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเพลินกับการดื่มน้ำแร่ได้ที่ Mineral Water Pump Room อาคารที่สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หรือจะแช่น้ำพุร้อนได้ที่สปารีสอร์ทที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ก็ได้เช่นกัน

11. เมสเตีย (Mestia)

a-row-of-towers-on-hillside-with-mountain

    เมืองเล็ก ๆ ที่เปรียบเสมือน Hidden Gem ของจอร์เจีย ตั้งอยู่บนที่สูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลในเทือกเขาคอเคซัส ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์อันสวยงามราวภาพวาด ด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ หุบเขาเขียวชอุ่ม ทะเลสาบที่สะอาดบริสุทธิ์ และน้ำตกที่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่หลงรักธรรมชาติและการผจญภัยใต้แสงแดดอุ่น เมสเตียยังรุ่มรวยด้วยมรดกทางวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรม Svaneti ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะ Svaneti Towers หอคอยหินยุคกลางตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 9-11 ด้วยแนวคิดของตระกูลสวาน (Svan) เพื่อป้องกันเมืองจากผู้รุกรานและชาวมองโกล โดยหอคอยเหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO เห็นได้จากบ้านหลายหลังในเมืองจะมีหอคอย Svaneti คล้ายปล่องไฟขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่รอบ ๆ เมือง

12. บาทูมิ (Batumi)

overview-of-city-skyline-in-batumi

    อีกหนึ่งเมืองตากอากาศริมทะเลดำที่สวยงามที่สุดในจอร์เจีย บาทูมิเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองตนเอง Adjara และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ โดดเด่นด้วยชายฝั่งทะเลดำที่สวยงาม สถาปัตยกรรมร่วมสมัย และเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อากาศอุ่นสบาย ใครมาเที่ยวบาทูมิแล้วไม่ควรพลาด The Alphabetic Tower หอคอยสูงกว่า 130 เมตร ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์ของท้องฟ้า ทะเลสีคราม และความทันสมัยของเมืองได้กว้างไกลสุดสายตา ความสวยงามของเมืองตากอากาศริมทะเลแห่งนี้ ทำให้บาทูมิติดอันดับ 1 ใน 5 เมืองตากอากาศที่ดีที่สุดของโลกโดยนิตยสาร Forbes เช่นเดียวกับ American Hospitality Academy ที่ยกย่องให้เป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์เจีย ในปี ค.ศ. 2012

เที่ยวจอร์เจีย เดือนไหนดี?

    คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า จอร์เจียเป็นประเทศที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจและคุณสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความชื่นชอบของแต่ละคน โดยแต่ละฤดูกาลก็จะมีสภาพอากาศและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น

  • ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 16-31 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การท่องเที่ยวเมืองหลวงทบิลิซี เมืองตากอากาศริมทะเล และคนที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการเดินป่า ปีนเขา และกางเต๊นท์
  • ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายนของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4-20 องศาเซลเซียส ใครที่ชื่นชอบใบไม้เปลี่ยนสีไม่ควรพลาดฤดูกาลนี้
  • ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -3 ถึง 8 องศาเซลเซียส เหมาะกับคนที่ชื่นชอบอากาศหนาว วิวทิวทัศน์สวยงามของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ และสกีรีสอร์ทยอดนิยม
  • ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-24 องศาเซลเซียส เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่ผลิบานในเมืองท่องเที่ยวธรรมชาติหลายแห่ง

    ต้องบอกว่า คุณสามารถไปเที่ยวจอร์เจียได้ทุกฤดูกาล แล้วงบการเดินทางยังประหยัดกว่าหลายประเทศในยุโรปอีกด้วย อย่าลืมวางแผนการเดินทางอย่างชาญฉลาดแค่มีประกันภัยการเดินทางของชับบ์ (Chubb Travel Insurance) เคลมไวไม่งอแง ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในเบี้ยประกันสมเหตุสมผล พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าชับบ์โทร. 02 611 4242